ลำดับ ชนิด คุณสมบัติ
1 สะเดา (Neem tree)มีเบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ
2 ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูง บำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์
3 ต้นหอม (Shallot)มีน้ำมันหอมระเหย บรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง
4 แครอท (Carrot) เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับ คลอเลสเตอรอลได้
5 หอมหัวใหญ่ (Onion) มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
6 คะน้า (Chinese kale) มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง
7 พริก (Chilli) มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ
8 กระเจี๊ยบเขียว (Okra) ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ
9 ผักกระเฉด(Water mimosa) ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร
10 ตำลึง (Ivy gourd) มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
11 มะระ (Chinese bitter cucumber) มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด
12 ผักบุ้ง (Water spinach) บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด
13 ขึ้นฉ่าย (Celery) กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร มีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
14 เห็ด (Mushroom) แคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน
15 บัวบก (Indian pennywort) มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ
16 สะระแหน่ (Kitchen mint) กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว
17 ชะพลู (Cha-plu) รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง
18 ชะอม (Cha-om) ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ
19 หัวปลี (Banana flower) รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง
20 กระเทียม (Garlic) ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็ก วิตามินซีสูง
21 โหระพา (Sweet basil) น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม
22 ขิง (Ginger) บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
23 ข่า (Galangal) น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
24 กระชาย (Wild ginger) บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม
25 ถั่วพู (Winged bean) ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสาร ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว
26 ดอกขจร (Cowslip creeper) กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
27 ถั่วฝักยาว (Long bean) มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด
28 มะเขือเทศ (Tomato) มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง
29 กะหล่ำปลี (White cabbage) มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินซีสูง
30 มะเขือพวง (Plate brush eggplant) ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส
31 ผักชี (Chinese paraley) ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง
32 กุยช่าย (Flowering chives) มีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
33 ผักกาดหัว (Chinese radish) แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี
34 กะเพรา (Holy basil) แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้
35 แมงลัก (Hairy basil) ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ
36 ดอกแค (Sesbania) กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา
37 หญ้าอ่อน กินเพิ่มความคึกคัก ให้กระชุ่มกระช่วย หัวใจสูบฉีด
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ลดน้ำหนักอีกแร้วววว
ชายอ้วนคนหนึ่งเห็นประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่า
จะสามารถลดน้ำหนักได้ในเวลาวันเดียว โดยคิดปอนด์ละ 1 ดอลลาร์
เขาจึงตัดสินใจโทรไปหาบริษัทช่วยลดความอ้วนอันนี้
เมื่อโทรติดมีคนรับสายและถามว่า
" คุณต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ครับ"
"10 ปอนด์" ชายอ้วนตอบ สายตอบมาว่า
" ดีมาก , โปรดบอกเบอร์บัตรเครดิตของคุณมา แล้วเราจะส่งพนักงานไปหาที่บ้านพรุ่งนี้เช้า"
วันต่อมาเวลา 9:00 น. มีคนมาเคาะที่ประตูบ้าน ชายอ้วนเปิดประตูออก
พบว่ามีสาวน้อยนางหนึ่งยืนเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ที่ประตูบ้าน ที่คอของเธอมีป้ายแขวนไว้เขียนว่า
" ถ้าคุณจับฉันได้ ฉันจะให้รางวัล" หลังจากนั้นชายอ้วนก็วิ่งไล่ตามสาวเปลือยไปตามที่ต่างๆในบ้าน
ข้างล่าง , ข้างบน , กระโดดข้ามโซฟา , วิ่งเข้าครัว ฯลฯ ในที่สุดเขาก็จับเธอได้ และมีความสุขกับเธอ
เมื่อเสร็จแล้ว เธอจึงพูดกับเขาว่า " เร็วเข้า , ลองไปวัดน้ำหนักของคุณกัน"
เขาทำตาม และพบว่าน่ามหัศจรรย์จริงๆ เขาลดไปได้ 10 ปอนด์ ในเวลาแค่ครึ่งวัน
ในตอนเย็นวันนั้นเขาจึงโทรกลับไปที่บริษัทเดิมอีก ชายผู้รับสายถาม
" คราวนี้คุณต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ครับ"
" ผมต้องการลดมากขึ้นกว่าเดิม , เอาซัก 20 ปอนด์เป็นไง" ชายอ้วนพูด
" ดีครับ , เราจะหักเงินตามหมายเลขเครดิตคาร์ดของคุณ แล้วจะส่งพนักงานไปที่บ้าน
ในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า ขอให้โชคดีครับ"
เช้าวันต่อมา เวลา 8:00 ก็มีหญิงสาวคนใหม่ที่สวยกว่าเดิมมาเคาะประตูบ้านอีกเช่นเดิม
เธอมีป้ายแขวนไว้ที่คอเขียนไว้ว่า "ถ้าจับฉันได้ คุณจะทำอะไรกับฉันก็ได้" คราวนี้
เธอล่อหลอกชายอ้วนมากกว่าเดิม ทำให้เขาใช้เวลานานขึ้นในการวิ่งไล่จับ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็จับเธอได้ และก้อ...
กับเธอและกลับไปวัดน้ำหนัก "โอ้โห , วิเศษจริงๆ ฉันลดได้ 20 ปอนด์ อย่างมีความสุข"
ชายอ้วนพูดด้วยความพึงพอใจ
หลังจากนั้นในตอนเย็นเขาจึงโทรไปที่บริษัทฯอีกครั้งและพูดว่า
" คราวนี้ผมอยากลดมากกว่าเดิมอีก เอา 50 ปอนด์เลย" ชายอ้วนพูด ในใจเขาคิดถึงสาวคนใหม่ที่สวยกว่าวันนี้อีก
" ห้าสิบปอนด์ เลยเหรอะ!" พนักงานทำเสียงดัง "นั่นมันเป็นไปไม่ได้นะคุณ จะให้มันลดในครั้งเดียวยากมาก"
ชายอ้วนเริ่มไม่พอใจ และพูดว่า "นี่นาย , เอาเบอร์บัตรเครดิตฉันไปเลย แล้วพรุ่งนี้รีบส่งพนักงานมาหาฉันให้ได้ในตอนเช้า"
เขาพูดด้วยเสียงอันดัง และรีบวางหู
ในเช้าวันต่อมา เวลา 7:00 น. เขาได้ยินเสียงเคาะประตู เลยรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที
ทันใดนั้นเขาพบว่า มีนิโกรคนหนึ่ง ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน มีป้ายแขวนอยู่ที่คอเขียนไว้ว่า
" ถ้ากุจับได้ มึงเจอถั่วดำ..!!!"
จะสามารถลดน้ำหนักได้ในเวลาวันเดียว โดยคิดปอนด์ละ 1 ดอลลาร์
เขาจึงตัดสินใจโทรไปหาบริษัทช่วยลดความอ้วนอันนี้
เมื่อโทรติดมีคนรับสายและถามว่า
" คุณต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ครับ"
"10 ปอนด์" ชายอ้วนตอบ สายตอบมาว่า
" ดีมาก , โปรดบอกเบอร์บัตรเครดิตของคุณมา แล้วเราจะส่งพนักงานไปหาที่บ้านพรุ่งนี้เช้า"
วันต่อมาเวลา 9:00 น. มีคนมาเคาะที่ประตูบ้าน ชายอ้วนเปิดประตูออก
พบว่ามีสาวน้อยนางหนึ่งยืนเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ที่ประตูบ้าน ที่คอของเธอมีป้ายแขวนไว้เขียนว่า
" ถ้าคุณจับฉันได้ ฉันจะให้รางวัล" หลังจากนั้นชายอ้วนก็วิ่งไล่ตามสาวเปลือยไปตามที่ต่างๆในบ้าน
ข้างล่าง , ข้างบน , กระโดดข้ามโซฟา , วิ่งเข้าครัว ฯลฯ ในที่สุดเขาก็จับเธอได้ และมีความสุขกับเธอ
เมื่อเสร็จแล้ว เธอจึงพูดกับเขาว่า " เร็วเข้า , ลองไปวัดน้ำหนักของคุณกัน"
เขาทำตาม และพบว่าน่ามหัศจรรย์จริงๆ เขาลดไปได้ 10 ปอนด์ ในเวลาแค่ครึ่งวัน
ในตอนเย็นวันนั้นเขาจึงโทรกลับไปที่บริษัทเดิมอีก ชายผู้รับสายถาม
" คราวนี้คุณต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ครับ"
" ผมต้องการลดมากขึ้นกว่าเดิม , เอาซัก 20 ปอนด์เป็นไง" ชายอ้วนพูด
" ดีครับ , เราจะหักเงินตามหมายเลขเครดิตคาร์ดของคุณ แล้วจะส่งพนักงานไปที่บ้าน
ในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า ขอให้โชคดีครับ"
เช้าวันต่อมา เวลา 8:00 ก็มีหญิงสาวคนใหม่ที่สวยกว่าเดิมมาเคาะประตูบ้านอีกเช่นเดิม
เธอมีป้ายแขวนไว้ที่คอเขียนไว้ว่า "ถ้าจับฉันได้ คุณจะทำอะไรกับฉันก็ได้" คราวนี้
เธอล่อหลอกชายอ้วนมากกว่าเดิม ทำให้เขาใช้เวลานานขึ้นในการวิ่งไล่จับ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็จับเธอได้ และก้อ...
กับเธอและกลับไปวัดน้ำหนัก "โอ้โห , วิเศษจริงๆ ฉันลดได้ 20 ปอนด์ อย่างมีความสุข"
ชายอ้วนพูดด้วยความพึงพอใจ
หลังจากนั้นในตอนเย็นเขาจึงโทรไปที่บริษัทฯอีกครั้งและพูดว่า
" คราวนี้ผมอยากลดมากกว่าเดิมอีก เอา 50 ปอนด์เลย" ชายอ้วนพูด ในใจเขาคิดถึงสาวคนใหม่ที่สวยกว่าวันนี้อีก
" ห้าสิบปอนด์ เลยเหรอะ!" พนักงานทำเสียงดัง "นั่นมันเป็นไปไม่ได้นะคุณ จะให้มันลดในครั้งเดียวยากมาก"
ชายอ้วนเริ่มไม่พอใจ และพูดว่า "นี่นาย , เอาเบอร์บัตรเครดิตฉันไปเลย แล้วพรุ่งนี้รีบส่งพนักงานมาหาฉันให้ได้ในตอนเช้า"
เขาพูดด้วยเสียงอันดัง และรีบวางหู
ในเช้าวันต่อมา เวลา 7:00 น. เขาได้ยินเสียงเคาะประตู เลยรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที
ทันใดนั้นเขาพบว่า มีนิโกรคนหนึ่ง ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน มีป้ายแขวนอยู่ที่คอเขียนไว้ว่า
" ถ้ากุจับได้ มึงเจอถั่วดำ..!!!"
วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553
การลดน้ำหนักด้วย SEX
ไม่ได้ทะลึ่งนะคะ ให้ขำๆเท่านั้น 55555
เห็นว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ดีมาก
จึงนำเอาตาราง Sex Calorie Counter จากองค์การอนาจารโลก
มาฝากให้เพื่อนๆ เป็นคู่มือไว้ใช้นะคับอิอิ
ถอดเสื้อผ้าของเธอ
เธอเต็มใจ........................... 12 แคลอรี่
เธอไม่เต็มใจ...................... 187 แคลอรี่
ถอดบราของเธอ
ด้วยสองมือ.......................... 8 แคลอรี่
ด้วยมือเดียว........................ 12 แคลอรี่
ด้วยฟัน.............................. 85 แคลอรี่
ใส่ถุงยาง
" มัน"เย้ยฟ้า........................... 6 แคลอรี่
" มัน"ท้าดิน...................... 315 แคลอรี่
เล้าโลมเธอ
พยายามหาสยิวสปอต............. 8 แคลอรี่
พยายามหาจีสปอต............... 92 แคลอรี่
ตำแหน่ง
พื้นฐาน.............................. 52 แคลอรี่
69 แนวนอน........................ 78 แคลอรี่
69 แนวตั้ง......................... 112 แคลอรี่
กงล้อหมุน......................... 216 แคลอรี่
เธอเหนือกว่า...................... 524 แคลอรี่
ม้าพยศ............................. 726 แคลอรี่
ลิงอุ้มแคนตาลูป.................. 912 แคลอรี่
ออกัสซั่ม
จริง................................. 112 แคลอรี่
ปลอม.............................. 315 แคลอรี่
ถึงที่หมายแล้ว...
นอนโอบกอดกันและกัน......... 18 แคลอรี่
ลุกออกไปทันที.................... 36 แคลอรี่
อธิบายว่าทำไมต้องลุกออกไปทันที...... 816 แคลอรี่
ตื่นตัวรอบที่ 2 ถ้าคุณอายุ …
20-29 ปี............................ 36 แคลอรี่
30-39 ปี............................. 80 แคลอรี่
40-49 ปี.......................... 1124 แคลอรี่
50-59 ปี.......................... 1972 แคลอรี่
60-69 ปี.......................... 2916 แคลอรี่
70 ปีขึ้นไป.......................อยู่ระหว่างการพยายามทดลองต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะทราบผล
ใส่เสื้อผ้า
สบายๆ............................... 32 แคลอรี่
รีบร้อน............................... 98 แคลอรี่
คุณพ่อเธอเคาะประตูอยู่...... 1218 แคลอรี่
ภรรยาคุณเคาะประตูอยู่... 5521 แคลอรี่
สามีเธอเคาะประตูอยู่....... 7201 แคลอรี่ !!!!!
ไม่ส่งต่อแฟนมีชู้.......สาธุ!!!!!!!!!
เห็นว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ดีมาก
จึงนำเอาตาราง Sex Calorie Counter จากองค์การอนาจารโลก
มาฝากให้เพื่อนๆ เป็นคู่มือไว้ใช้นะคับอิอิ
ถอดเสื้อผ้าของเธอ
เธอเต็มใจ........................... 12 แคลอรี่
เธอไม่เต็มใจ...................... 187 แคลอรี่
ถอดบราของเธอ
ด้วยสองมือ.......................... 8 แคลอรี่
ด้วยมือเดียว........................ 12 แคลอรี่
ด้วยฟัน.............................. 85 แคลอรี่
ใส่ถุงยาง
" มัน"เย้ยฟ้า........................... 6 แคลอรี่
" มัน"ท้าดิน...................... 315 แคลอรี่
เล้าโลมเธอ
พยายามหาสยิวสปอต............. 8 แคลอรี่
พยายามหาจีสปอต............... 92 แคลอรี่
ตำแหน่ง
พื้นฐาน.............................. 52 แคลอรี่
69 แนวนอน........................ 78 แคลอรี่
69 แนวตั้ง......................... 112 แคลอรี่
กงล้อหมุน......................... 216 แคลอรี่
เธอเหนือกว่า...................... 524 แคลอรี่
ม้าพยศ............................. 726 แคลอรี่
ลิงอุ้มแคนตาลูป.................. 912 แคลอรี่
ออกัสซั่ม
จริง................................. 112 แคลอรี่
ปลอม.............................. 315 แคลอรี่
ถึงที่หมายแล้ว...
นอนโอบกอดกันและกัน......... 18 แคลอรี่
ลุกออกไปทันที.................... 36 แคลอรี่
อธิบายว่าทำไมต้องลุกออกไปทันที...... 816 แคลอรี่
ตื่นตัวรอบที่ 2 ถ้าคุณอายุ …
20-29 ปี............................ 36 แคลอรี่
30-39 ปี............................. 80 แคลอรี่
40-49 ปี.......................... 1124 แคลอรี่
50-59 ปี.......................... 1972 แคลอรี่
60-69 ปี.......................... 2916 แคลอรี่
70 ปีขึ้นไป.......................อยู่ระหว่างการพยายามทดลองต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะทราบผล
ใส่เสื้อผ้า
สบายๆ............................... 32 แคลอรี่
รีบร้อน............................... 98 แคลอรี่
คุณพ่อเธอเคาะประตูอยู่...... 1218 แคลอรี่
ภรรยาคุณเคาะประตูอยู่... 5521 แคลอรี่
สามีเธอเคาะประตูอยู่....... 7201 แคลอรี่ !!!!!
ไม่ส่งต่อแฟนมีชู้.......สาธุ!!!!!!!!!
วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คำถามเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
คำถามเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
มีพ่อลูกคู่ นึงยืนสนทนากันอยู่ลูกกำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นจึงมีคำถามเกี่ยวกันเรื่องเพศ สัมพันธ์มาถามพ่อ
ลูก : พ่อครับทำไม การมีเพศสัมพันธ์ทำให้ มีความรู้สึกยังไงครับ
พ่อ : ก็มันเหมือนกับการที่เอ็งเอานิ้ว เอ็งไปแคะขี้มูกในจมูกของเอ็งแหละ
ลูก : แล้วทำไมเวลามีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิง ถึงร้องครวญครางเหมือนมีความรู้สึกดีกว่าผู้ชายครับ
พ่อ : อ้าว.. แล้วเวลาเอ็งแคะขี้มูก เอ็ง รู้สึกว่า นิ้วของเอ็งดีขึ้นหรือว่ารูจมูกของ เอ็งดีขึ้น
ลูก : ในเมื่อผู้หญิงรู้สึกดีขึ้นแล้วทำไมผู้หญิงถึงเกลียดการข่มขืน ล่ะ
พ่อ : มันไม่เหมือนกันแล้วถ้าเอ็งเดินอยู่บนถนนแล้วมีคนวิ่งมาเอานิ้วมาทิ่มจมูกเอ็งนะ เอ็งจะชกเขามั้ย
ลูก : แล้วทำไมผู้หญิงถึงไม่ชอบมีเพศ สัมพันธ์กันในระหว่างมีประจำเดือน
พ่อ : แล้วถ้าจมูกของเอ็งเลือดไหลอยู่ เอ็งจะแคะขี้มูกมั้ย..
ลูก : ทำไมผู้ชายถึงไม่ชอบใส่ถุงยางอนามัย ขณะมีเพศสัมพันธ์
พ่อ : แล้วถ้าพ่อบังคับเอ็งใส่ถุงมือแคะ ขี้มูกเอ็งจะรู้สึกยังไง
ลูก : มีอีกคำถามครับพ่อ ผู้หญิงทำไมชอบ บรรยากาศเงียบ ๆ สลัวๆขณะที่เธอมีความต้อง การ
พ่อ : อ้าว..แล้ว พ่อใช้ให้เอ็งแคะขี้มูกหน้าชั้นเรียนเอ็งจะทำได้มั้ย...โธ่ลูกพ่อ เอ๊ย.....
ลูก : ' พ่อครับ พ่อเก่งจังเลย '
มีพ่อลูกคู่ นึงยืนสนทนากันอยู่ลูกกำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นจึงมีคำถามเกี่ยวกันเรื่องเพศ สัมพันธ์มาถามพ่อ
ลูก : พ่อครับทำไม การมีเพศสัมพันธ์ทำให้ มีความรู้สึกยังไงครับ
พ่อ : ก็มันเหมือนกับการที่เอ็งเอานิ้ว เอ็งไปแคะขี้มูกในจมูกของเอ็งแหละ
ลูก : แล้วทำไมเวลามีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิง ถึงร้องครวญครางเหมือนมีความรู้สึกดีกว่าผู้ชายครับ
พ่อ : อ้าว.. แล้วเวลาเอ็งแคะขี้มูก เอ็ง รู้สึกว่า นิ้วของเอ็งดีขึ้นหรือว่ารูจมูกของ เอ็งดีขึ้น
ลูก : ในเมื่อผู้หญิงรู้สึกดีขึ้นแล้วทำไมผู้หญิงถึงเกลียดการข่มขืน ล่ะ
พ่อ : มันไม่เหมือนกันแล้วถ้าเอ็งเดินอยู่บนถนนแล้วมีคนวิ่งมาเอานิ้วมาทิ่มจมูกเอ็งนะ เอ็งจะชกเขามั้ย
ลูก : แล้วทำไมผู้หญิงถึงไม่ชอบมีเพศ สัมพันธ์กันในระหว่างมีประจำเดือน
พ่อ : แล้วถ้าจมูกของเอ็งเลือดไหลอยู่ เอ็งจะแคะขี้มูกมั้ย..
ลูก : ทำไมผู้ชายถึงไม่ชอบใส่ถุงยางอนามัย ขณะมีเพศสัมพันธ์
พ่อ : แล้วถ้าพ่อบังคับเอ็งใส่ถุงมือแคะ ขี้มูกเอ็งจะรู้สึกยังไง
ลูก : มีอีกคำถามครับพ่อ ผู้หญิงทำไมชอบ บรรยากาศเงียบ ๆ สลัวๆขณะที่เธอมีความต้อง การ
พ่อ : อ้าว..แล้ว พ่อใช้ให้เอ็งแคะขี้มูกหน้าชั้นเรียนเอ็งจะทำได้มั้ย...โธ่ลูกพ่อ เอ๊ย.....
ลูก : ' พ่อครับ พ่อเก่งจังเลย '
วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553
มาอีกแล้ว เรื่องฮา ( ห้ามส่งให้หัวหน้า )

ชายคนหนึ่งไปซื้อนกแก้วที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง
เห็นนกแก้วตัวหนึ่ง กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่ จึงเกิดสนใจถามคนขายว่า
ชายคนนั้น : ลุงๆ ไอ้ตัวนั้นราคาเท่าไหร่
คนขาย : 15 , 000 บาท
ชายคนนั้น : แล้วมันทำไรได้บ้างล่ะ
คนขา ย : ก็ไม่เท่าไหร่ แค่ใช้ window, mac, linux แล้วก็พวกซอฟแวร์ office ต่างๆ
ชายคนนั้น : แล้ว ไอ้ตัวข้างๆ นั่นล่ะ
คนขาย : 25 , 000 บาท
ชายคนนั้น : โอ้โห อย่างนี้มันคงเขียนโปรแกรมได้ด้วยมั้ง ( หัวเราะ)
คนขาย : ก็ใช่ แถมมันยังดูแล server แล้วก็เขียนโปรแกรมจัดการกับ Database ของร้านได้ด้วยนะ
ชายคนนั้น : แล้วไอ้ตัวนั้นล่ะ ตัวที่มันนั่งเฉยๆ อยู่ข้างหลังน่ะ
(ชี้ไปที่นกอีกตัว) มันทำอะไรได้บ้างล่ะ
คนขาย : ไอ้ตัวนั้นอ่ะนะ วันๆผมไม่เห็น มันทำอะไรเลย นอกจากแหกปากด่าไอ้สองตัว ที่นั่งอยู่หน้าคอมอยู่นั่นแหละ
ผมโคตรรำคาญมันเลยคุณ
ชายคนนั้น : แล้วมันราคาเท่าไหร่ล่ะ
คนขาย : 50,000 บาท
ชายคนนั้น : เฮ้ย ทำไมล่ะ
คนขาย : ผมก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้ 2 ตัวนั้น เรียกมันว่า หัวหน้า !!!
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เกร็ดน่ารู้
1.การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยดจะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดยขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป
2. ดูดนมยางของเด็กทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
การคาบหรืออมนายางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดาน
ไม่กระเทือนสั่นไหว ขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรนและไม่นอนอ้าปากอีกด้วย
3. การสูดกลิ่นตัวผู้ชายทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้
4. แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรปฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน
5. ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ
เฉลย: จริง
โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์
6. วัวกระทิงเกลียดสีแดง จริงหรือ
เฉลย: ไม่จริง
เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคา และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า
7. เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ
เฉลย: จริง
การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม
8. การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลงทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า
9. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมน เมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่?ืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้
10. การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะการฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และ บรรเทาอาการปวดข้อลงได้
11. ใครที่อ่านแล้วได้ความรู้ แล้วไม่ส่งต่อให้อื่นรับรู้ เป็นคนเห็นแก่ตัว จริงหรือ
เฉลย : จริงสุด ๆ
เฉลย : จริง
อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดยขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป
2. ดูดนมยางของเด็กทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
การคาบหรืออมนายางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดาน
ไม่กระเทือนสั่นไหว ขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรนและไม่นอนอ้าปากอีกด้วย
3. การสูดกลิ่นตัวผู้ชายทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้
4. แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรปฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน
5. ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ
เฉลย: จริง
โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์
6. วัวกระทิงเกลียดสีแดง จริงหรือ
เฉลย: ไม่จริง
เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคา และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า
7. เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ
เฉลย: จริง
การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม
8. การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลงทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า
9. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมน เมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่?ืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้
10. การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะการฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และ บรรเทาอาการปวดข้อลงได้
11. ใครที่อ่านแล้วได้ความรู้ แล้วไม่ส่งต่อให้อื่นรับรู้ เป็นคนเห็นแก่ตัว จริงหรือ
เฉลย : จริงสุด ๆ
วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ประโยชน์ของการมีเซ็กส์
คุณูปการของ SEX
SEX - ลดความอ้วน
SEX - บำรุงความงาม
SEX - แก้ปวดหัว และอาการแพ้
SEX - ช่วยประหยัด … ไม่ต้องซื้อน้ำ หอม
SEX - ทำให้ผมนุ่มเป็นเงางาม
SEX - ฯลฯ … ฯลฯ … ฯลฯ
คุณรู้หรือไม่ว่าผิวหนังสามารถบอกคุณได้ว่าคน ๆ
นั้นกระตือรือร้นทางเพศหรือไม่
มีกิจกรรมทางเพศเฉื่อยชาหรือกระปี้กระเปร่าดี
ขอว่าเป็นข้อ ๆ
1. เซ็กส์คือการบำรุงความงาม การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ขณะ
ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ เธอจะหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาปริมาณมาก
ซึ่งทำให้เส้นผมเป็นเงางามและผิวหนังนุ่มนวล
2. เพศสัมพันธ์ที่อ่อนโยนและผ่อนคลายช่วยลดการอักเสบทางผิวหนัง เช่น สิว และผื่นต่าง ๆ ได้ เหงื่อที่ไหลออกมาเป็นตัวชะล้างรูขุมขน ทำให้ผิวหนังผ่องใส
3. เพศสัมพันธ์ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ที่คุณกินเข้าไปช่วงมื้อค่ำอันโรแมนติก
4. เซ็กส์คือการออกกำลังกายที่ปลอดภัยที่สุด
มันทั้งช่วยยืดเส้นยืดสายและทำให้กล้ามเนื้อตึงในทุก ๆ ส่วน ของร่างกาย
อีกทั้งน่าสนุกกว่าจ๊อกกิ้งหรือว่ายน้ำสัก 20 เที่ยว เป็นไหน ๆ
แถมยังไม่ต้องใช้รองเท้ากีฬาแพง ๆ
5. เซ็กส์ช่วยลดความตึงเครียดได้ดียิ่งกิจกรรมทางเพศช่วยหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ในกระแสเลือดทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
6. มีเซ็กส์บ่อย ๆ คุณยิ่งได้รับสารเคมีที่ชื่อ “ ฟีโรโมนส์ ” (Pheromones) มากยิ่งขึ้น
7. กลิ่นตัวที่ถูกขับออกมาขณะมีความต้องการทางเพศ เป็น “ น้ำหอม ”
ที่ช่วยกระตุ้นให้เพศตรงข้ามคึกคักได้อย่างเหลือเชื่อ
8.จูบกันทุกกวันลดอาการฟันผุ การจูบกระตุ้นน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมาจึงช่วยชะล้างฟันของคุณให้สะอาด
9. เซ็กส์แก้ปวดหัว ตลอดกระบวนการทางเพศจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งไปปิดกั้นหลอดเลือดในสมองไว
10. ร่วมเพศบ่อย ๆ ช่วยแก้อาการคัดจมูกเพราะเซ็กส์เป็นยาแอนตี้ฮิสตามีนจากธรรมชาติ แก้อาการแพ้ฝุ่นแพ้ละอองได้ดี
11. เซ็กส์จะเป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีกว่า Valium “
แวเลี่ยม ” หลายเท่า ถ้าคุณสามารถมีเซ็กส์เกิน 5 ครั้งในหนึ่งคืน
บทความนี้ส่งมาถึงคุณ ๆ เพื่อหวังให้คุณโชคดีในเรื่องเพศ
บทความต้นฉบับอยู่ที่ห้อง ปาลาสโซ
บทความนี้ถูกนำเผยแพร่ไปทั่วโลกทั้งหมด 9 ครั้ง และตอนนี้เซ็กส์ได้ส่งมาถึงมือคุณแล้ว หมายถึงคุณผู้อ่านทุกคนด้วย
จากนี้อีก 4 วัน คุณจะได้รับ “ เซ็กส์มันหยด ”
และหวังว่าคุณจะช่วยเผยแพร่บทความนี้ต่อ ๆ ไป
ถ้าคุณไม่ส่งต่อบทความนี้ คุณจะไม่มีวันมีเซ็กส์ที่ดีอีกเลย
ชั่วชีวิตคุณจะไม่มีเซ็กส์อีก อวัยวะเพศของคุณจะเฉาและหมดสมรรถภาพ ; ( มันเคยเกิดขึ้นแล้วกับคนที่ไม่ปฏิบัติตามที่เราบอก)
นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ! > >> ขอให้มีความสุขทางเพศ แต่โปรดจำไว้ สำเนา 10 ฉบับ จะต้องผ่านอี-เมล์ของคุณหรือไปรษณีย์ก็ได้ออกไปภายใน 96 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มีความสุขทางเพศอีกต่อไปชั่วชีวิต เสียใจและขอโทษจริง ๆ ที่คุณพลาดไปแล้วที่มาอ่าน บทความนี้เข้า เพื่อความสุขทางเพศของคุณโปรดทำตามที่เราบอก
รอดตัวแล้วโว้ย 55555555
SEX - ลดความอ้วน
SEX - บำรุงความงาม
SEX - แก้ปวดหัว และอาการแพ้
SEX - ช่วยประหยัด … ไม่ต้องซื้อน้ำ หอม
SEX - ทำให้ผมนุ่มเป็นเงางาม
SEX - ฯลฯ … ฯลฯ … ฯลฯ
คุณรู้หรือไม่ว่าผิวหนังสามารถบอกคุณได้ว่าคน ๆ
นั้นกระตือรือร้นทางเพศหรือไม่
มีกิจกรรมทางเพศเฉื่อยชาหรือกระปี้กระเปร่าดี
ขอว่าเป็นข้อ ๆ
1. เซ็กส์คือการบำรุงความงาม การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ขณะ
ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ เธอจะหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาปริมาณมาก
ซึ่งทำให้เส้นผมเป็นเงางามและผิวหนังนุ่มนวล
2. เพศสัมพันธ์ที่อ่อนโยนและผ่อนคลายช่วยลดการอักเสบทางผิวหนัง เช่น สิว และผื่นต่าง ๆ ได้ เหงื่อที่ไหลออกมาเป็นตัวชะล้างรูขุมขน ทำให้ผิวหนังผ่องใส
3. เพศสัมพันธ์ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ที่คุณกินเข้าไปช่วงมื้อค่ำอันโรแมนติก
4. เซ็กส์คือการออกกำลังกายที่ปลอดภัยที่สุด
มันทั้งช่วยยืดเส้นยืดสายและทำให้กล้ามเนื้อตึงในทุก ๆ ส่วน ของร่างกาย
อีกทั้งน่าสนุกกว่าจ๊อกกิ้งหรือว่ายน้ำสัก 20 เที่ยว เป็นไหน ๆ
แถมยังไม่ต้องใช้รองเท้ากีฬาแพง ๆ
5. เซ็กส์ช่วยลดความตึงเครียดได้ดียิ่งกิจกรรมทางเพศช่วยหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ในกระแสเลือดทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
6. มีเซ็กส์บ่อย ๆ คุณยิ่งได้รับสารเคมีที่ชื่อ “ ฟีโรโมนส์ ” (Pheromones) มากยิ่งขึ้น
7. กลิ่นตัวที่ถูกขับออกมาขณะมีความต้องการทางเพศ เป็น “ น้ำหอม ”
ที่ช่วยกระตุ้นให้เพศตรงข้ามคึกคักได้อย่างเหลือเชื่อ
8.จูบกันทุกกวันลดอาการฟันผุ การจูบกระตุ้นน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมาจึงช่วยชะล้างฟันของคุณให้สะอาด
9. เซ็กส์แก้ปวดหัว ตลอดกระบวนการทางเพศจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งไปปิดกั้นหลอดเลือดในสมองไว
10. ร่วมเพศบ่อย ๆ ช่วยแก้อาการคัดจมูกเพราะเซ็กส์เป็นยาแอนตี้ฮิสตามีนจากธรรมชาติ แก้อาการแพ้ฝุ่นแพ้ละอองได้ดี
11. เซ็กส์จะเป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีกว่า Valium “
แวเลี่ยม ” หลายเท่า ถ้าคุณสามารถมีเซ็กส์เกิน 5 ครั้งในหนึ่งคืน
บทความนี้ส่งมาถึงคุณ ๆ เพื่อหวังให้คุณโชคดีในเรื่องเพศ
บทความต้นฉบับอยู่ที่ห้อง ปาลาสโซ
บทความนี้ถูกนำเผยแพร่ไปทั่วโลกทั้งหมด 9 ครั้ง และตอนนี้เซ็กส์ได้ส่งมาถึงมือคุณแล้ว หมายถึงคุณผู้อ่านทุกคนด้วย
จากนี้อีก 4 วัน คุณจะได้รับ “ เซ็กส์มันหยด ”
และหวังว่าคุณจะช่วยเผยแพร่บทความนี้ต่อ ๆ ไป
ถ้าคุณไม่ส่งต่อบทความนี้ คุณจะไม่มีวันมีเซ็กส์ที่ดีอีกเลย
ชั่วชีวิตคุณจะไม่มีเซ็กส์อีก อวัยวะเพศของคุณจะเฉาและหมดสมรรถภาพ ; ( มันเคยเกิดขึ้นแล้วกับคนที่ไม่ปฏิบัติตามที่เราบอก)
นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ! > >> ขอให้มีความสุขทางเพศ แต่โปรดจำไว้ สำเนา 10 ฉบับ จะต้องผ่านอี-เมล์ของคุณหรือไปรษณีย์ก็ได้ออกไปภายใน 96 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มีความสุขทางเพศอีกต่อไปชั่วชีวิต เสียใจและขอโทษจริง ๆ ที่คุณพลาดไปแล้วที่มาอ่าน บทความนี้เข้า เพื่อความสุขทางเพศของคุณโปรดทำตามที่เราบอก
รอดตัวแล้วโว้ย 55555555
วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553
หมาขี้เรื้อน เรื่องดีๆที่อยากแบ่งปัน
> หมาขี้เรื้อน
> เรื่องดีๆ ที่อยากแบ่งปัน
>
> ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่ง
> เพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก
> ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
> ก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน
> เพื่อเห็นแก่แม่ บัณฑิตใหม่หมาดๆ
> จากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ ได้
> เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯ แห่งหนึ่งเสร็จแล้ว
> ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
> พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดี มีแต่ความสุขสบาย
> เมื่อมาอยู่วัดป่า กว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน
> แต่ก็นั่นแหละ กว่าจะนิ่งได้
> ก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆ กัน
> ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอา ก็เพราะ
> พระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด และชอบอวดรู้ ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
> วันแรกที่มาอยู่วัดป่า ก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่า
> ไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน
> ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง
> เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย
> ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่
> ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกิน
> กว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่ง จนขาเป็นเหน็บชา
> ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้าง
> ก็ทำอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไปประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้
> โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่ง
> ทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้
> ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น
> ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด
> มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้ว ช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า
> ทุกประตู นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ
> พอกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
> อยู่มาได้พักใหญ่
> พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา
> ซ้ำนานๆ ครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง
> วันๆไม่เห็นท่านทำอะไร เอาแต่กวาดใบไม้เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มี
> ไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน
> การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง
> เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา
> จึงเสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
> รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่ง
> เพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว
> ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
> อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอ
> ให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้
> สอนให้มากขึ้น เทศน์ให้มากขึ้น
> และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเอง
> ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
> เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ
> หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติ กลางลานทรายด้วย
> ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่ม
> สามเณรน้อยทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน
> อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา
> แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง
> ที่นอนอยู่ใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ “เธอ
> ทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะ
> มันเป็นขี้เรื้อน
> คันไป ทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยว ก็วิ่งไปนอนตรงนั้น
> เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้
> อยู่ ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นาน เพราะมันคัน.. แต่พวกเธอรู้ไหม
> เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่า
> แต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน
> สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้ว
> มันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่ หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลย
> ต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า
> เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้น หาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่..
> แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก”
> พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลง
> เป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว
> ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น
> ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไร
> ก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อน ที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่ง
> นั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
> นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา
> พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
> จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโส
> กลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
> จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง
> เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขา
> เพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจของครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก "อาตมา
> เป็นหมาขี้เรื้อน
> ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่ง
> พรรษาเถอะนะโยมแม่" โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุ
> กราบลาพระลูกชาย แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถ
> พลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่า ! คำว่า “หมาขี้เรื้อน”
> ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
> ถ้า เรายังเป็นโรคอยู่ในใจ ไม่พอใจอะไรซักอย่าง เช่น
> เงินเดือนน้อย
> หน้าที่การงานไม่พัฒนา ตำแหน่งไม่ไปไหน ไม่ว่าเราย้ายงานไปที่ไหน
> เราก็ไม่พอใจ สถานที่เหล่านั้นไม่ดี คนไม่ได้เรื่องทั้งๆ
> ที่เราไม่เคยได้ดูตัวเองเลยว่า เรา พัฒนาการทำงานของเรามั้ย
> ขวนขวายหาความรู้หรือเปล่า ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับหมาขี้เรื้อนตัวนั้นเลย
> เรื่องดีๆ ที่อยากแบ่งปัน
>
> ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่ง
> เพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก
> ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
> ก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน
> เพื่อเห็นแก่แม่ บัณฑิตใหม่หมาดๆ
> จากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ ได้
> เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯ แห่งหนึ่งเสร็จแล้ว
> ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
> พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดี มีแต่ความสุขสบาย
> เมื่อมาอยู่วัดป่า กว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน
> แต่ก็นั่นแหละ กว่าจะนิ่งได้
> ก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆ กัน
> ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอา ก็เพราะ
> พระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด และชอบอวดรู้ ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
> วันแรกที่มาอยู่วัดป่า ก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่า
> ไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน
> ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง
> เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย
> ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่
> ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกิน
> กว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่ง จนขาเป็นเหน็บชา
> ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้าง
> ก็ทำอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไปประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้
> โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่ง
> ทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้
> ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น
> ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด
> มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้ว ช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า
> ทุกประตู นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ
> พอกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
> อยู่มาได้พักใหญ่
> พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา
> ซ้ำนานๆ ครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง
> วันๆไม่เห็นท่านทำอะไร เอาแต่กวาดใบไม้เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มี
> ไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน
> การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง
> เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา
> จึงเสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
> รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่ง
> เพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว
> ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
> อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอ
> ให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้
> สอนให้มากขึ้น เทศน์ให้มากขึ้น
> และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเอง
> ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
> เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ
> หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติ กลางลานทรายด้วย
> ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่ม
> สามเณรน้อยทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน
> อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา
> แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง
> ที่นอนอยู่ใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ “เธอ
> ทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะ
> มันเป็นขี้เรื้อน
> คันไป ทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยว ก็วิ่งไปนอนตรงนั้น
> เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้
> อยู่ ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นาน เพราะมันคัน.. แต่พวกเธอรู้ไหม
> เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่า
> แต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน
> สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้ว
> มันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่ หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลย
> ต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า
> เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้น หาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่..
> แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก”
> พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลง
> เป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว
> ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น
> ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไร
> ก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อน ที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่ง
> นั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
> นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา
> พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
> จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโส
> กลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
> จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง
> เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขา
> เพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจของครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก "อาตมา
> เป็นหมาขี้เรื้อน
> ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่ง
> พรรษาเถอะนะโยมแม่" โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุ
> กราบลาพระลูกชาย แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถ
> พลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่า ! คำว่า “หมาขี้เรื้อน”
> ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
> ถ้า เรายังเป็นโรคอยู่ในใจ ไม่พอใจอะไรซักอย่าง เช่น
> เงินเดือนน้อย
> หน้าที่การงานไม่พัฒนา ตำแหน่งไม่ไปไหน ไม่ว่าเราย้ายงานไปที่ไหน
> เราก็ไม่พอใจ สถานที่เหล่านั้นไม่ดี คนไม่ได้เรื่องทั้งๆ
> ที่เราไม่เคยได้ดูตัวเองเลยว่า เรา พัฒนาการทำงานของเรามั้ย
> ขวนขวายหาความรู้หรือเปล่า ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับหมาขี้เรื้อนตัวนั้นเลย
วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คาถามบูชาเมีย
รักเมีย ต้องอดทน ต้องเป็นคน เคารพเมีย
รักเมีย ต้องส่งเสีย อย่าให้เมีย ต้องเสียใจ
รักเมีย ต้องรักเดียว อย่าได้เที่ยว ไปรักใคร
รักเมีย ต้องทำใจ ถึงอย่างไร เทอก็เมีย
รักเมีย อย่าขี้เหล้า เมียจะเหงา เราจะเสีย
รักเมีย อย่าอ่อนเพลีย คนรักเมีย ต้องแข็งแรง
รักเมีย อย่ารุนแรง ค่อยๆแซง อย่าขับไว
รักเมีย ต้องยอมเมีย เพราะว่าเมีย ไม่ยอมใคร
รักเมีย ต้องเข้าใจ ไม่มีใคร ใหญ่กว่าเมีย
รักเมีย อย่าเกี่ยงเมีย คำพูดเมีย ใหญ่กว่าใคร
ชาติหน้า มีฉันท์ใด จงจำไว้ อย่ามีเมีย
รักเมีย ต้องส่งเสีย อย่าให้เมีย ต้องเสียใจ
รักเมีย ต้องรักเดียว อย่าได้เที่ยว ไปรักใคร
รักเมีย ต้องทำใจ ถึงอย่างไร เทอก็เมีย
รักเมีย อย่าขี้เหล้า เมียจะเหงา เราจะเสีย
รักเมีย อย่าอ่อนเพลีย คนรักเมีย ต้องแข็งแรง
รักเมีย อย่ารุนแรง ค่อยๆแซง อย่าขับไว
รักเมีย ต้องยอมเมีย เพราะว่าเมีย ไม่ยอมใคร
รักเมีย ต้องเข้าใจ ไม่มีใคร ใหญ่กว่าเมีย
รักเมีย อย่าเกี่ยงเมีย คำพูดเมีย ใหญ่กว่าใคร
ชาติหน้า มีฉันท์ใด จงจำไว้ อย่ามีเมีย
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)