ผู้หญิงสมัยนี้ ดีแต่ช๊อปปิ้ง อยู่นิ่งก็แดก แจกพินไปทั่ว
เมารั่วทุกศุกร์ ความสุขอยู่ร้านเสื้อผ้า หิ้วพราด้าปลอม
สวยพร้อมทุกเมื่อ เบื่อเบื่อก็บีบี นั่งขี้ยังไม่ยอมวาง
สับรางขั้นเทพ ชอบเสพดราม่า แต่งหน้าไปหลับที่ห้องเรียน
เขียนภาษาวิบัติ วัดแทบไม่เคยไป ใกล้ไกลก็แท๊กซี่
ตัดสินคนที่หน้าตา อารมแปรปรวน รักนวลสงวนนม
ชอบชมผัวคนอื่น นอนตื่นก็สาย คบผู้ชายที่ฐานะ
แม่พระตอนแรก เลือกแดกแต่ของดี ฟั้งกี้ที่ประจำ
รูปดำต้องปรับแสง ของแพงต้องต่อ บอกพ่อขอค่าหนังสือ
ได้มือถือมาแทน เสียเงินเป็นแสนทำหน้า มีสิวฝ้าถามหาแพทย์
กลัวแดดมากกว่าผี ซีรี่ย์เกาหลีกูดูหมด ขนาดตดยังไม่ยอมรับ
วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553
โรคระบาดอันดับ 1 ของผู้หญิง
"โรคงอน< /SPAN>" เป็นโรคระบาดที่ร้ายแรง
ติดต่ออย่างรวดเร็วขยายตัวเป็นวงกว้างในแนวราบ
ยังไม่พบวัคซีนหรือยารักษา ผู้ป่วยมีอาการ “หน้างอ”
และบางรายที่อาการหนักจะมีอาการหน้าดำ
แทรกซ้อนด้วย หูแข็ง ฟังอะไร ขัดหูขัดใจไปหมด
ตาขวาง น้ำลายไหลเล็กน้อยพองาม ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน ว่าผู้ใดนำเชื้อมาปล่อย โรคนี้ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูง มือไม้สั่น
ผู้ป่วยที่อาการหนักอาจถึงขั้นชักดิ้นชักงอ
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ควรสังเกตอาการผู้ป่วย ว่างอนอยู่ในระดับไหน ถ้างอนน้อยๆ ให้รีบง้อ ผู้พบเห็นทั่วไปควรเอาใจใส่ต่อผู้ที่ติดเชื้อในระยะเริ่มแรก
จะทำให้อาการไม่ลุกลาม และสามารถรักษาหายได้
สำหรับผู้ป่วยที่อาการหนัก
ผู้ง้อ ควรได้รับการฝึกสอนและเป็นผู้ชำนาญการง้อเป็นพิเศษ
เพราะผู้ป่วยจิตใจอ่อนแอ เปราะบางแตกหักง่าย ต้องการความเอาใจใส่ หลังได้รับการรักษาผู้ป่วยที่หายแล้ว ยังสามารถอาการกำเริบได้ทุกเวลา ผู้ใกล้ชิดต้องให้ความรักและความเข้าใจ หากความรักและความเข้าใจลดน้อยลงเมื่อไหร่ อาการงอนจะกำเริบ
------------------------
หมายเหตุ
พบมากในกลุ่มคนที่มีความสวย และความน่ารัก สำหรับผู้ไม่สวยและไม่น่ารัก จะเรียกอาการเดียวกันนี้ว่า น่าเบื่อ น่ารำคาญ
จะปล่อยไปตามยถากรรม ไม่มีการปฐมพยาบาลใดๆ ทั้งสิ้น
จนกว่าอาการจะหายหรือตายไปเอง..
ติดต่ออย่างรวดเร็วขยายตัวเป็นวงกว้างในแนวราบ
ยังไม่พบวัคซีนหรือยารักษา ผู้ป่วยมีอาการ “หน้างอ”
และบางรายที่อาการหนักจะมีอาการหน้าดำ
แทรกซ้อนด้วย หูแข็ง ฟังอะไร ขัดหูขัดใจไปหมด
ตาขวาง น้ำลายไหลเล็กน้อยพองาม ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน ว่าผู้ใดนำเชื้อมาปล่อย โรคนี้ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายสูง มือไม้สั่น
ผู้ป่วยที่อาการหนักอาจถึงขั้นชักดิ้นชักงอ
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ควรสังเกตอาการผู้ป่วย ว่างอนอยู่ในระดับไหน ถ้างอนน้อยๆ ให้รีบง้อ ผู้พบเห็นทั่วไปควรเอาใจใส่ต่อผู้ที่ติดเชื้อในระยะเริ่มแรก
จะทำให้อาการไม่ลุกลาม และสามารถรักษาหายได้
สำหรับผู้ป่วยที่อาการหนัก
ผู้ง้อ ควรได้รับการฝึกสอนและเป็นผู้ชำนาญการง้อเป็นพิเศษ
เพราะผู้ป่วยจิตใจอ่อนแอ เปราะบางแตกหักง่าย ต้องการความเอาใจใส่ หลังได้รับการรักษาผู้ป่วยที่หายแล้ว ยังสามารถอาการกำเริบได้ทุกเวลา ผู้ใกล้ชิดต้องให้ความรักและความเข้าใจ หากความรักและความเข้าใจลดน้อยลงเมื่อไหร่ อาการงอนจะกำเริบ
------------------------
หมายเหตุ
พบมากในกลุ่มคนที่มีความสวย และความน่ารัก สำหรับผู้ไม่สวยและไม่น่ารัก จะเรียกอาการเดียวกันนี้ว่า น่าเบื่อ น่ารำคาญ
จะปล่อยไปตามยถากรรม ไม่มีการปฐมพยาบาลใดๆ ทั้งสิ้น
จนกว่าอาการจะหายหรือตายไปเอง..
วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ประโยชน์ของผักต่างๆ
ลำดับ ชนิด คุณสมบัติ
1 สะเดา (Neem tree)มีเบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ
2 ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูง บำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์
3 ต้นหอม (Shallot)มีน้ำมันหอมระเหย บรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง
4 แครอท (Carrot) เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับ คลอเลสเตอรอลได้
5 หอมหัวใหญ่ (Onion) มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
6 คะน้า (Chinese kale) มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง
7 พริก (Chilli) มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ
8 กระเจี๊ยบเขียว (Okra) ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ
9 ผักกระเฉด(Water mimosa) ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร
10 ตำลึง (Ivy gourd) มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
11 มะระ (Chinese bitter cucumber) มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด
12 ผักบุ้ง (Water spinach) บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด
13 ขึ้นฉ่าย (Celery) กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร มีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
14 เห็ด (Mushroom) แคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน
15 บัวบก (Indian pennywort) มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ
16 สะระแหน่ (Kitchen mint) กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว
17 ชะพลู (Cha-plu) รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง
18 ชะอม (Cha-om) ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ
19 หัวปลี (Banana flower) รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง
20 กระเทียม (Garlic) ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็ก วิตามินซีสูง
21 โหระพา (Sweet basil) น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม
22 ขิง (Ginger) บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
23 ข่า (Galangal) น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
24 กระชาย (Wild ginger) บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม
25 ถั่วพู (Winged bean) ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสาร ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว
26 ดอกขจร (Cowslip creeper) กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
27 ถั่วฝักยาว (Long bean) มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด
28 มะเขือเทศ (Tomato) มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง
29 กะหล่ำปลี (White cabbage) มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินซีสูง
30 มะเขือพวง (Plate brush eggplant) ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส
31 ผักชี (Chinese paraley) ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง
32 กุยช่าย (Flowering chives) มีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
33 ผักกาดหัว (Chinese radish) แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี
34 กะเพรา (Holy basil) แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้
35 แมงลัก (Hairy basil) ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ
36 ดอกแค (Sesbania) กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา
37 หญ้าอ่อน กินเพิ่มความคึกคัก ให้กระชุ่มกระช่วย หัวใจสูบฉีด
1 สะเดา (Neem tree)มีเบต้าแคโรทีนสูง บำรุงสายตา เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นอนหลับ
2 ผักกาดขาว (Chinese white cabbage) ช่วยระบบย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ มีโฟเลทสูง บำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์
3 ต้นหอม (Shallot)มีน้ำมันหอมระเหย บรรเทาอาการหวัด มีสารฟลาโวนอยด์ต้านมะเร็ง
4 แครอท (Carrot) เบต้าแคโรทีนป้องกันโรคมะเร็ง มีแคลเซียม แพคเตท ลดระดับ คลอเลสเตอรอลได้
5 หอมหัวใหญ่ (Onion) มีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยลดอาการของโรคหัวใจ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
6 คะน้า (Chinese kale) มีแคลเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และมะเร็ง
7 พริก (Chilli) มีแคปไซซินกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเหงื่อ
8 กระเจี๊ยบเขียว (Okra) ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง ลดอาการกระเพาะหรือลำไส้อักเสบ
9 ผักกระเฉด(Water mimosa) ดับพิษไข้ กากใยช่วยระบบขับของเสีย เพิ่มการเผาผลาญสารอาหาร
10 ตำลึง (Ivy gourd) มีวิตามินเอสูง ดีต่อดวงตา เส้นใยจับไนเตรต ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
11 มะระ (Chinese bitter cucumber) มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เป็นยาระบายอ่อน ๆ น้ำคั้นลดระดับน้ำตาลในเลือด
12 ผักบุ้ง (Water spinach) บรรเทาอาการร้อนใน มีวิตามินเอบำรุงสายตา ธาตุเหล็กบำรุงเลือด
13 ขึ้นฉ่าย (Celery) กลิ่นหอม ช่วยเจริญอาหาร มีวิตามินเอ บี และซี บำรุงสมอง ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด
14 เห็ด (Mushroom) แคลอรีน้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน
15 บัวบก (Indian pennywort) มีวิตามินบีสูง ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บำรุงสมองและความจำ บำรุงผิวพรรณ ลดอาการอักเสบ
16 สะระแหน่ (Kitchen mint) กลิ่นหอมเย็นของใบให้ความสดชื่น ทำให้ความคิดแจ่มใส แก้ปวดหัว
17 ชะพลู (Cha-plu) รสชาติเผ็ดเล็กน้อย แก้จุกเสียด ขับเสมหะ มีแคลเซียมสูง
18 ชะอม (Cha-om) ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับลมในลำไส้ มีเส้นใยคอยจับ อนุมูลอิสระ
19 หัวปลี (Banana flower) รสฝาด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ และบำรุงน้ำนม มีกากใย โปรตีน และวิตามินซีสูง
20 กระเทียม (Garlic) ลดไขมันในเลือด ป้องกันหัวใจขาดเลือด ใบกระเทียมมีโฟเลท เหล็ก วิตามินซีสูง
21 โหระพา (Sweet basil) น้ำมันหอมระเหยทำให้โล่งจมูก ช่วยระบายลม มีเบต้าแคโรทีน แคลเซียม
22 ขิง (Ginger) บรรเทาอาการหวัดเย็น ลดอาการคัดจมูก รสเผ็ดร้อน แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ
23 ข่า (Galangal) น้ำมันหอมระเหย ช่วยระบบย่อยอาหารขับลม มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา
24 กระชาย (Wild ginger) บรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ บำรุงธาตุ มีวิตามินเอและแคลเซียม
25 ถั่วพู (Winged bean) ให้คุณค่าทางอาหารสูง มีโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และสาร ช่วยย่อยกรดไขมันอิ่มตัว
26 ดอกขจร (Cowslip creeper) กระตุ้นให้รู้รสอาหาร ให้พลังงานสูง ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน
27 ถั่วฝักยาว (Long bean) มีเส้นใย ช่วยลดคอเลสเตอรอล มีวิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็ก บำรุงเลือด
28 มะเขือเทศ (Tomato) มีวิตามินเอสูง วิตามินซี รสเปรี้ยว ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย และแก้อาการคอแห้ง
29 กะหล่ำปลี (White cabbage) มีกลูโคซิโนเลท เมื่อแตกตัวจะเป็นสารต้านมะเร็ง และมีวิตามินซีสูง
30 มะเขือพวง (Plate brush eggplant) ช่วยให้เจริญอาหารและช่วยลดความดันเลือด มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส
31 ผักชี (Chinese paraley) ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร มีน้ำมันหอมระเหย แก้หวัด มีวิตามินเอและซีสูง
32 กุยช่าย (Flowering chives) มีกากใยช่วยระบายของเสีย มีธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง
33 ผักกาดหัว (Chinese radish) แก้ไอ ขับเสมหะ เพิ่มภูมิต้านทางโรค มีสารช่วยให้กระเพาะอาหารและลำไส้บีบตัวได้ดี
34 กะเพรา (Holy basil) แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง มีเบต้าแคโรทีนสูง ป้องกันโรคมะเร็ง และโรคหัวใจขาดเลือดได้
35 แมงลัก (Hairy basil) ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ขับลม ขับเหงื่อ
36 ดอกแค (Sesbania) กินแก้ไขช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ มีวิตามินเอสูง บำรุงสายตา
37 หญ้าอ่อน กินเพิ่มความคึกคัก ให้กระชุ่มกระช่วย หัวใจสูบฉีด
วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ลดน้ำหนักอีกแร้วววว
ชายอ้วนคนหนึ่งเห็นประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่า
จะสามารถลดน้ำหนักได้ในเวลาวันเดียว โดยคิดปอนด์ละ 1 ดอลลาร์
เขาจึงตัดสินใจโทรไปหาบริษัทช่วยลดความอ้วนอันนี้
เมื่อโทรติดมีคนรับสายและถามว่า
" คุณต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ครับ"
"10 ปอนด์" ชายอ้วนตอบ สายตอบมาว่า
" ดีมาก , โปรดบอกเบอร์บัตรเครดิตของคุณมา แล้วเราจะส่งพนักงานไปหาที่บ้านพรุ่งนี้เช้า"
วันต่อมาเวลา 9:00 น. มีคนมาเคาะที่ประตูบ้าน ชายอ้วนเปิดประตูออก
พบว่ามีสาวน้อยนางหนึ่งยืนเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ที่ประตูบ้าน ที่คอของเธอมีป้ายแขวนไว้เขียนว่า
" ถ้าคุณจับฉันได้ ฉันจะให้รางวัล" หลังจากนั้นชายอ้วนก็วิ่งไล่ตามสาวเปลือยไปตามที่ต่างๆในบ้าน
ข้างล่าง , ข้างบน , กระโดดข้ามโซฟา , วิ่งเข้าครัว ฯลฯ ในที่สุดเขาก็จับเธอได้ และมีความสุขกับเธอ
เมื่อเสร็จแล้ว เธอจึงพูดกับเขาว่า " เร็วเข้า , ลองไปวัดน้ำหนักของคุณกัน"
เขาทำตาม และพบว่าน่ามหัศจรรย์จริงๆ เขาลดไปได้ 10 ปอนด์ ในเวลาแค่ครึ่งวัน
ในตอนเย็นวันนั้นเขาจึงโทรกลับไปที่บริษัทเดิมอีก ชายผู้รับสายถาม
" คราวนี้คุณต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ครับ"
" ผมต้องการลดมากขึ้นกว่าเดิม , เอาซัก 20 ปอนด์เป็นไง" ชายอ้วนพูด
" ดีครับ , เราจะหักเงินตามหมายเลขเครดิตคาร์ดของคุณ แล้วจะส่งพนักงานไปที่บ้าน
ในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า ขอให้โชคดีครับ"
เช้าวันต่อมา เวลา 8:00 ก็มีหญิงสาวคนใหม่ที่สวยกว่าเดิมมาเคาะประตูบ้านอีกเช่นเดิม
เธอมีป้ายแขวนไว้ที่คอเขียนไว้ว่า "ถ้าจับฉันได้ คุณจะทำอะไรกับฉันก็ได้" คราวนี้
เธอล่อหลอกชายอ้วนมากกว่าเดิม ทำให้เขาใช้เวลานานขึ้นในการวิ่งไล่จับ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็จับเธอได้ และก้อ...
กับเธอและกลับไปวัดน้ำหนัก "โอ้โห , วิเศษจริงๆ ฉันลดได้ 20 ปอนด์ อย่างมีความสุข"
ชายอ้วนพูดด้วยความพึงพอใจ
หลังจากนั้นในตอนเย็นเขาจึงโทรไปที่บริษัทฯอีกครั้งและพูดว่า
" คราวนี้ผมอยากลดมากกว่าเดิมอีก เอา 50 ปอนด์เลย" ชายอ้วนพูด ในใจเขาคิดถึงสาวคนใหม่ที่สวยกว่าวันนี้อีก
" ห้าสิบปอนด์ เลยเหรอะ!" พนักงานทำเสียงดัง "นั่นมันเป็นไปไม่ได้นะคุณ จะให้มันลดในครั้งเดียวยากมาก"
ชายอ้วนเริ่มไม่พอใจ และพูดว่า "นี่นาย , เอาเบอร์บัตรเครดิตฉันไปเลย แล้วพรุ่งนี้รีบส่งพนักงานมาหาฉันให้ได้ในตอนเช้า"
เขาพูดด้วยเสียงอันดัง และรีบวางหู
ในเช้าวันต่อมา เวลา 7:00 น. เขาได้ยินเสียงเคาะประตู เลยรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที
ทันใดนั้นเขาพบว่า มีนิโกรคนหนึ่ง ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน มีป้ายแขวนอยู่ที่คอเขียนไว้ว่า
" ถ้ากุจับได้ มึงเจอถั่วดำ..!!!"
จะสามารถลดน้ำหนักได้ในเวลาวันเดียว โดยคิดปอนด์ละ 1 ดอลลาร์
เขาจึงตัดสินใจโทรไปหาบริษัทช่วยลดความอ้วนอันนี้
เมื่อโทรติดมีคนรับสายและถามว่า
" คุณต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ครับ"
"10 ปอนด์" ชายอ้วนตอบ สายตอบมาว่า
" ดีมาก , โปรดบอกเบอร์บัตรเครดิตของคุณมา แล้วเราจะส่งพนักงานไปหาที่บ้านพรุ่งนี้เช้า"
วันต่อมาเวลา 9:00 น. มีคนมาเคาะที่ประตูบ้าน ชายอ้วนเปิดประตูออก
พบว่ามีสาวน้อยนางหนึ่งยืนเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ที่ประตูบ้าน ที่คอของเธอมีป้ายแขวนไว้เขียนว่า
" ถ้าคุณจับฉันได้ ฉันจะให้รางวัล" หลังจากนั้นชายอ้วนก็วิ่งไล่ตามสาวเปลือยไปตามที่ต่างๆในบ้าน
ข้างล่าง , ข้างบน , กระโดดข้ามโซฟา , วิ่งเข้าครัว ฯลฯ ในที่สุดเขาก็จับเธอได้ และมีความสุขกับเธอ
เมื่อเสร็จแล้ว เธอจึงพูดกับเขาว่า " เร็วเข้า , ลองไปวัดน้ำหนักของคุณกัน"
เขาทำตาม และพบว่าน่ามหัศจรรย์จริงๆ เขาลดไปได้ 10 ปอนด์ ในเวลาแค่ครึ่งวัน
ในตอนเย็นวันนั้นเขาจึงโทรกลับไปที่บริษัทเดิมอีก ชายผู้รับสายถาม
" คราวนี้คุณต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ครับ"
" ผมต้องการลดมากขึ้นกว่าเดิม , เอาซัก 20 ปอนด์เป็นไง" ชายอ้วนพูด
" ดีครับ , เราจะหักเงินตามหมายเลขเครดิตคาร์ดของคุณ แล้วจะส่งพนักงานไปที่บ้าน
ในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า ขอให้โชคดีครับ"
เช้าวันต่อมา เวลา 8:00 ก็มีหญิงสาวคนใหม่ที่สวยกว่าเดิมมาเคาะประตูบ้านอีกเช่นเดิม
เธอมีป้ายแขวนไว้ที่คอเขียนไว้ว่า "ถ้าจับฉันได้ คุณจะทำอะไรกับฉันก็ได้" คราวนี้
เธอล่อหลอกชายอ้วนมากกว่าเดิม ทำให้เขาใช้เวลานานขึ้นในการวิ่งไล่จับ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็จับเธอได้ และก้อ...
กับเธอและกลับไปวัดน้ำหนัก "โอ้โห , วิเศษจริงๆ ฉันลดได้ 20 ปอนด์ อย่างมีความสุข"
ชายอ้วนพูดด้วยความพึงพอใจ
หลังจากนั้นในตอนเย็นเขาจึงโทรไปที่บริษัทฯอีกครั้งและพูดว่า
" คราวนี้ผมอยากลดมากกว่าเดิมอีก เอา 50 ปอนด์เลย" ชายอ้วนพูด ในใจเขาคิดถึงสาวคนใหม่ที่สวยกว่าวันนี้อีก
" ห้าสิบปอนด์ เลยเหรอะ!" พนักงานทำเสียงดัง "นั่นมันเป็นไปไม่ได้นะคุณ จะให้มันลดในครั้งเดียวยากมาก"
ชายอ้วนเริ่มไม่พอใจ และพูดว่า "นี่นาย , เอาเบอร์บัตรเครดิตฉันไปเลย แล้วพรุ่งนี้รีบส่งพนักงานมาหาฉันให้ได้ในตอนเช้า"
เขาพูดด้วยเสียงอันดัง และรีบวางหู
ในเช้าวันต่อมา เวลา 7:00 น. เขาได้ยินเสียงเคาะประตู เลยรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที
ทันใดนั้นเขาพบว่า มีนิโกรคนหนึ่ง ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน มีป้ายแขวนอยู่ที่คอเขียนไว้ว่า
" ถ้ากุจับได้ มึงเจอถั่วดำ..!!!"
วันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2553
การลดน้ำหนักด้วย SEX
ไม่ได้ทะลึ่งนะคะ ให้ขำๆเท่านั้น 55555
เห็นว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ดีมาก
จึงนำเอาตาราง Sex Calorie Counter จากองค์การอนาจารโลก
มาฝากให้เพื่อนๆ เป็นคู่มือไว้ใช้นะคับอิอิ
ถอดเสื้อผ้าของเธอ
เธอเต็มใจ........................... 12 แคลอรี่
เธอไม่เต็มใจ...................... 187 แคลอรี่
ถอดบราของเธอ
ด้วยสองมือ.......................... 8 แคลอรี่
ด้วยมือเดียว........................ 12 แคลอรี่
ด้วยฟัน.............................. 85 แคลอรี่
ใส่ถุงยาง
" มัน"เย้ยฟ้า........................... 6 แคลอรี่
" มัน"ท้าดิน...................... 315 แคลอรี่
เล้าโลมเธอ
พยายามหาสยิวสปอต............. 8 แคลอรี่
พยายามหาจีสปอต............... 92 แคลอรี่
ตำแหน่ง
พื้นฐาน.............................. 52 แคลอรี่
69 แนวนอน........................ 78 แคลอรี่
69 แนวตั้ง......................... 112 แคลอรี่
กงล้อหมุน......................... 216 แคลอรี่
เธอเหนือกว่า...................... 524 แคลอรี่
ม้าพยศ............................. 726 แคลอรี่
ลิงอุ้มแคนตาลูป.................. 912 แคลอรี่
ออกัสซั่ม
จริง................................. 112 แคลอรี่
ปลอม.............................. 315 แคลอรี่
ถึงที่หมายแล้ว...
นอนโอบกอดกันและกัน......... 18 แคลอรี่
ลุกออกไปทันที.................... 36 แคลอรี่
อธิบายว่าทำไมต้องลุกออกไปทันที...... 816 แคลอรี่
ตื่นตัวรอบที่ 2 ถ้าคุณอายุ …
20-29 ปี............................ 36 แคลอรี่
30-39 ปี............................. 80 แคลอรี่
40-49 ปี.......................... 1124 แคลอรี่
50-59 ปี.......................... 1972 แคลอรี่
60-69 ปี.......................... 2916 แคลอรี่
70 ปีขึ้นไป.......................อยู่ระหว่างการพยายามทดลองต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะทราบผล
ใส่เสื้อผ้า
สบายๆ............................... 32 แคลอรี่
รีบร้อน............................... 98 แคลอรี่
คุณพ่อเธอเคาะประตูอยู่...... 1218 แคลอรี่
ภรรยาคุณเคาะประตูอยู่... 5521 แคลอรี่
สามีเธอเคาะประตูอยู่....... 7201 แคลอรี่ !!!!!
ไม่ส่งต่อแฟนมีชู้.......สาธุ!!!!!!!!!
เห็นว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ดีมาก
จึงนำเอาตาราง Sex Calorie Counter จากองค์การอนาจารโลก
มาฝากให้เพื่อนๆ เป็นคู่มือไว้ใช้นะคับอิอิ
ถอดเสื้อผ้าของเธอ
เธอเต็มใจ........................... 12 แคลอรี่
เธอไม่เต็มใจ...................... 187 แคลอรี่
ถอดบราของเธอ
ด้วยสองมือ.......................... 8 แคลอรี่
ด้วยมือเดียว........................ 12 แคลอรี่
ด้วยฟัน.............................. 85 แคลอรี่
ใส่ถุงยาง
" มัน"เย้ยฟ้า........................... 6 แคลอรี่
" มัน"ท้าดิน...................... 315 แคลอรี่
เล้าโลมเธอ
พยายามหาสยิวสปอต............. 8 แคลอรี่
พยายามหาจีสปอต............... 92 แคลอรี่
ตำแหน่ง
พื้นฐาน.............................. 52 แคลอรี่
69 แนวนอน........................ 78 แคลอรี่
69 แนวตั้ง......................... 112 แคลอรี่
กงล้อหมุน......................... 216 แคลอรี่
เธอเหนือกว่า...................... 524 แคลอรี่
ม้าพยศ............................. 726 แคลอรี่
ลิงอุ้มแคนตาลูป.................. 912 แคลอรี่
ออกัสซั่ม
จริง................................. 112 แคลอรี่
ปลอม.............................. 315 แคลอรี่
ถึงที่หมายแล้ว...
นอนโอบกอดกันและกัน......... 18 แคลอรี่
ลุกออกไปทันที.................... 36 แคลอรี่
อธิบายว่าทำไมต้องลุกออกไปทันที...... 816 แคลอรี่
ตื่นตัวรอบที่ 2 ถ้าคุณอายุ …
20-29 ปี............................ 36 แคลอรี่
30-39 ปี............................. 80 แคลอรี่
40-49 ปี.......................... 1124 แคลอรี่
50-59 ปี.......................... 1972 แคลอรี่
60-69 ปี.......................... 2916 แคลอรี่
70 ปีขึ้นไป.......................อยู่ระหว่างการพยายามทดลองต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะทราบผล
ใส่เสื้อผ้า
สบายๆ............................... 32 แคลอรี่
รีบร้อน............................... 98 แคลอรี่
คุณพ่อเธอเคาะประตูอยู่...... 1218 แคลอรี่
ภรรยาคุณเคาะประตูอยู่... 5521 แคลอรี่
สามีเธอเคาะประตูอยู่....... 7201 แคลอรี่ !!!!!
ไม่ส่งต่อแฟนมีชู้.......สาธุ!!!!!!!!!
วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คำถามเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
คำถามเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์
มีพ่อลูกคู่ นึงยืนสนทนากันอยู่ลูกกำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นจึงมีคำถามเกี่ยวกันเรื่องเพศ สัมพันธ์มาถามพ่อ
ลูก : พ่อครับทำไม การมีเพศสัมพันธ์ทำให้ มีความรู้สึกยังไงครับ
พ่อ : ก็มันเหมือนกับการที่เอ็งเอานิ้ว เอ็งไปแคะขี้มูกในจมูกของเอ็งแหละ
ลูก : แล้วทำไมเวลามีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิง ถึงร้องครวญครางเหมือนมีความรู้สึกดีกว่าผู้ชายครับ
พ่อ : อ้าว.. แล้วเวลาเอ็งแคะขี้มูก เอ็ง รู้สึกว่า นิ้วของเอ็งดีขึ้นหรือว่ารูจมูกของ เอ็งดีขึ้น
ลูก : ในเมื่อผู้หญิงรู้สึกดีขึ้นแล้วทำไมผู้หญิงถึงเกลียดการข่มขืน ล่ะ
พ่อ : มันไม่เหมือนกันแล้วถ้าเอ็งเดินอยู่บนถนนแล้วมีคนวิ่งมาเอานิ้วมาทิ่มจมูกเอ็งนะ เอ็งจะชกเขามั้ย
ลูก : แล้วทำไมผู้หญิงถึงไม่ชอบมีเพศ สัมพันธ์กันในระหว่างมีประจำเดือน
พ่อ : แล้วถ้าจมูกของเอ็งเลือดไหลอยู่ เอ็งจะแคะขี้มูกมั้ย..
ลูก : ทำไมผู้ชายถึงไม่ชอบใส่ถุงยางอนามัย ขณะมีเพศสัมพันธ์
พ่อ : แล้วถ้าพ่อบังคับเอ็งใส่ถุงมือแคะ ขี้มูกเอ็งจะรู้สึกยังไง
ลูก : มีอีกคำถามครับพ่อ ผู้หญิงทำไมชอบ บรรยากาศเงียบ ๆ สลัวๆขณะที่เธอมีความต้อง การ
พ่อ : อ้าว..แล้ว พ่อใช้ให้เอ็งแคะขี้มูกหน้าชั้นเรียนเอ็งจะทำได้มั้ย...โธ่ลูกพ่อ เอ๊ย.....
ลูก : ' พ่อครับ พ่อเก่งจังเลย '
มีพ่อลูกคู่ นึงยืนสนทนากันอยู่ลูกกำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่นจึงมีคำถามเกี่ยวกันเรื่องเพศ สัมพันธ์มาถามพ่อ
ลูก : พ่อครับทำไม การมีเพศสัมพันธ์ทำให้ มีความรู้สึกยังไงครับ
พ่อ : ก็มันเหมือนกับการที่เอ็งเอานิ้ว เอ็งไปแคะขี้มูกในจมูกของเอ็งแหละ
ลูก : แล้วทำไมเวลามีเพศสัมพันธ์ ผู้หญิง ถึงร้องครวญครางเหมือนมีความรู้สึกดีกว่าผู้ชายครับ
พ่อ : อ้าว.. แล้วเวลาเอ็งแคะขี้มูก เอ็ง รู้สึกว่า นิ้วของเอ็งดีขึ้นหรือว่ารูจมูกของ เอ็งดีขึ้น
ลูก : ในเมื่อผู้หญิงรู้สึกดีขึ้นแล้วทำไมผู้หญิงถึงเกลียดการข่มขืน ล่ะ
พ่อ : มันไม่เหมือนกันแล้วถ้าเอ็งเดินอยู่บนถนนแล้วมีคนวิ่งมาเอานิ้วมาทิ่มจมูกเอ็งนะ เอ็งจะชกเขามั้ย
ลูก : แล้วทำไมผู้หญิงถึงไม่ชอบมีเพศ สัมพันธ์กันในระหว่างมีประจำเดือน
พ่อ : แล้วถ้าจมูกของเอ็งเลือดไหลอยู่ เอ็งจะแคะขี้มูกมั้ย..
ลูก : ทำไมผู้ชายถึงไม่ชอบใส่ถุงยางอนามัย ขณะมีเพศสัมพันธ์
พ่อ : แล้วถ้าพ่อบังคับเอ็งใส่ถุงมือแคะ ขี้มูกเอ็งจะรู้สึกยังไง
ลูก : มีอีกคำถามครับพ่อ ผู้หญิงทำไมชอบ บรรยากาศเงียบ ๆ สลัวๆขณะที่เธอมีความต้อง การ
พ่อ : อ้าว..แล้ว พ่อใช้ให้เอ็งแคะขี้มูกหน้าชั้นเรียนเอ็งจะทำได้มั้ย...โธ่ลูกพ่อ เอ๊ย.....
ลูก : ' พ่อครับ พ่อเก่งจังเลย '
วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553
มาอีกแล้ว เรื่องฮา ( ห้ามส่งให้หัวหน้า )

ชายคนหนึ่งไปซื้อนกแก้วที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง
เห็นนกแก้วตัวหนึ่ง กำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และเคาะแป้นคีย์บอร์ดอยู่ จึงเกิดสนใจถามคนขายว่า
ชายคนนั้น : ลุงๆ ไอ้ตัวนั้นราคาเท่าไหร่
คนขาย : 15 , 000 บาท
ชายคนนั้น : แล้วมันทำไรได้บ้างล่ะ
คนขา ย : ก็ไม่เท่าไหร่ แค่ใช้ window, mac, linux แล้วก็พวกซอฟแวร์ office ต่างๆ
ชายคนนั้น : แล้ว ไอ้ตัวข้างๆ นั่นล่ะ
คนขาย : 25 , 000 บาท
ชายคนนั้น : โอ้โห อย่างนี้มันคงเขียนโปรแกรมได้ด้วยมั้ง ( หัวเราะ)
คนขาย : ก็ใช่ แถมมันยังดูแล server แล้วก็เขียนโปรแกรมจัดการกับ Database ของร้านได้ด้วยนะ
ชายคนนั้น : แล้วไอ้ตัวนั้นล่ะ ตัวที่มันนั่งเฉยๆ อยู่ข้างหลังน่ะ
(ชี้ไปที่นกอีกตัว) มันทำอะไรได้บ้างล่ะ
คนขาย : ไอ้ตัวนั้นอ่ะนะ วันๆผมไม่เห็น มันทำอะไรเลย นอกจากแหกปากด่าไอ้สองตัว ที่นั่งอยู่หน้าคอมอยู่นั่นแหละ
ผมโคตรรำคาญมันเลยคุณ
ชายคนนั้น : แล้วมันราคาเท่าไหร่ล่ะ
คนขาย : 50,000 บาท
ชายคนนั้น : เฮ้ย ทำไมล่ะ
คนขาย : ผมก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้ 2 ตัวนั้น เรียกมันว่า หัวหน้า !!!
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553
เกร็ดน่ารู้
1.การแลบลิ้นให้น้ำลายยืดลงพื้น 3 หยดจะแก้เผ็ดได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดยขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป
2. ดูดนมยางของเด็กทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
การคาบหรืออมนายางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดาน
ไม่กระเทือนสั่นไหว ขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรนและไม่นอนอ้าปากอีกด้วย
3. การสูดกลิ่นตัวผู้ชายทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้
4. แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรปฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน
5. ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ
เฉลย: จริง
โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์
6. วัวกระทิงเกลียดสีแดง จริงหรือ
เฉลย: ไม่จริง
เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคา และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า
7. เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ
เฉลย: จริง
การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม
8. การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลงทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า
9. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมน เมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่?ืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้
10. การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะการฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และ บรรเทาอาการปวดข้อลงได้
11. ใครที่อ่านแล้วได้ความรู้ แล้วไม่ส่งต่อให้อื่นรับรู้ เป็นคนเห็นแก่ตัว จริงหรือ
เฉลย : จริงสุด ๆ
เฉลย : จริง
อาการเผ็ดเกิดจากสารที่ชื่อ แคปไซซิน ที่อยู่ในพริกเข้าไปจับกับปลายประสาทรับรถที่ลิ้น ร่างกายจะก็จะแสดงปฎิกริยาโดยขับน้ำลายออกมาชะล้างเอาเจ้าสารนี้ออกไป
2. ดูดนมยางของเด็กทารกตอนนอนจะแก้อาการนอนกรนได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
การคาบหรืออมนายางของเด็กทารกไว้ในปากจะทำให้ลิ้นในปากอยู่นิ่ง ก็จะพลอยให้เนื้อเยื่อของเพดาน
ไม่กระเทือนสั่นไหว ขึ้นจึงไม่เกิดอาการกรนและไม่นอนอ้าปากอีกด้วย
3. การสูดกลิ่นตัวผู้ชายทำให้หายเครียดได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
เพราะกลิ่นตัวผู้ชายที่เป็นคนรักนั้นมีสาร ฟีโรโมน ผสมอยู่โดยเฉพาะในผมและผิวของเขา เมื่อสูดดมแล้วจะช่วยลดอาการเครียดและเหนื่อยล้าลงได้
4. แอปเปิ้ลผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จริงหรือ
เฉลย: จริง
ถ้าเสียบแผ่นสังกะสี และแผ่นทองแดง กรดในแอปเปิ้ลจะทำให้เกิดการแตกตัวของไอออน ทำให้ลูกแอปเปิ้ลเป็นเหมือนแบตเตอรี่ ซึ่งผลไม้ชนิดอื่นเช่น มะนาว เกรปฟรุ๊ต หรือมันฝรั่ง ก็ทำได้เช่นกัน
5. ปัสสาวะมนุษย์ใช้ทำยาสีฟันในสมัยโบราณ จริงหรือ
เฉลย: จริง
โดยแพทย์ชาวโรมันเชื่อว่า ปัสสาวะมนุษย์ มีคุณสมบัติทำให้ฟันขาว และแข็งแรง ยาสีฟันในยุคดังกล่าว จึงเป็น น้ำยาบ้วนปากที่ทำจากปัสสาวะมนุษย์
6. วัวกระทิงเกลียดสีแดง จริงหรือ
เฉลย: ไม่จริง
เพราะ วัวเป็นสัตว์ตาบอดสี ไม่สามารถแยกแยะสีต่างๆ ได้ แต่การที่วัวเมื่อถูกล่อด้วยผ้าแดงเหมือนในสนามสู้วัว แล้วก็พุ่งเข้าใส่นั้น เป็นเพราะความรำคา และเพราะถูกยั่วยุมากกว่า
7. เพชรแท้จะไม่ติดสีหมึก จริงหรือ
เฉลย: จริง
การทดสอบดูเพชรแท้นั้น ให้ป้ายน้ำหมึกสีดำไปบนเพชร ถ้ามีความลื่นออก ไม่ติดอยู่บนเพชร แสดงว่าเป็นเพชรแท้ แต่ถ้ายังมีจุดดำตรงที่แต้มอยู่ ก็แสดงว่าเป็นเพชรเทียม
8. การทะเลาะกันทำให้แผลหายช้า จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ ความเครียดที่เกิดขึ้น ทั้งระหว่าง และหลังจากการทะเลาะกัน จะส่งผลให้ร่างกายลดการผลิตโปรตีนเม็ดเลือด ที่มีประโยชน์ต่อการรักษาบาดแผล หรือส่วนที่สึกหรอในร่างกายให้น้อยลงทำให้บาดแผลต่างๆ หายช้า
9. แสงแดดอ่อนๆ ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้าได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะ แสงแดดอ่อนๆ จะช่วยลดการสร้างฮอร์โมน เมลาโตนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ถ้าหากเก็บตัวอยู่แต่ในที่?ืดจะทำให้ฮอร์โมนตัวนี้สูงขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดการง่วง เหงา ซึมเซาได้
10. การฟังเพลงช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้ จริงหรือ
เฉลย : จริง
เพราะการฟังเพลงทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ ซึ่งเป็นฮอร์โมนสร้างความสุขออกมา ช่วยลดความดันโลหิต และ บรรเทาอาการปวดข้อลงได้
11. ใครที่อ่านแล้วได้ความรู้ แล้วไม่ส่งต่อให้อื่นรับรู้ เป็นคนเห็นแก่ตัว จริงหรือ
เฉลย : จริงสุด ๆ
วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553
ประโยชน์ของการมีเซ็กส์
คุณูปการของ SEX
SEX - ลดความอ้วน
SEX - บำรุงความงาม
SEX - แก้ปวดหัว และอาการแพ้
SEX - ช่วยประหยัด … ไม่ต้องซื้อน้ำ หอม
SEX - ทำให้ผมนุ่มเป็นเงางาม
SEX - ฯลฯ … ฯลฯ … ฯลฯ
คุณรู้หรือไม่ว่าผิวหนังสามารถบอกคุณได้ว่าคน ๆ
นั้นกระตือรือร้นทางเพศหรือไม่
มีกิจกรรมทางเพศเฉื่อยชาหรือกระปี้กระเปร่าดี
ขอว่าเป็นข้อ ๆ
1. เซ็กส์คือการบำรุงความงาม การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ขณะ
ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ เธอจะหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาปริมาณมาก
ซึ่งทำให้เส้นผมเป็นเงางามและผิวหนังนุ่มนวล
2. เพศสัมพันธ์ที่อ่อนโยนและผ่อนคลายช่วยลดการอักเสบทางผิวหนัง เช่น สิว และผื่นต่าง ๆ ได้ เหงื่อที่ไหลออกมาเป็นตัวชะล้างรูขุมขน ทำให้ผิวหนังผ่องใส
3. เพศสัมพันธ์ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ที่คุณกินเข้าไปช่วงมื้อค่ำอันโรแมนติก
4. เซ็กส์คือการออกกำลังกายที่ปลอดภัยที่สุด
มันทั้งช่วยยืดเส้นยืดสายและทำให้กล้ามเนื้อตึงในทุก ๆ ส่วน ของร่างกาย
อีกทั้งน่าสนุกกว่าจ๊อกกิ้งหรือว่ายน้ำสัก 20 เที่ยว เป็นไหน ๆ
แถมยังไม่ต้องใช้รองเท้ากีฬาแพง ๆ
5. เซ็กส์ช่วยลดความตึงเครียดได้ดียิ่งกิจกรรมทางเพศช่วยหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ในกระแสเลือดทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
6. มีเซ็กส์บ่อย ๆ คุณยิ่งได้รับสารเคมีที่ชื่อ “ ฟีโรโมนส์ ” (Pheromones) มากยิ่งขึ้น
7. กลิ่นตัวที่ถูกขับออกมาขณะมีความต้องการทางเพศ เป็น “ น้ำหอม ”
ที่ช่วยกระตุ้นให้เพศตรงข้ามคึกคักได้อย่างเหลือเชื่อ
8.จูบกันทุกกวันลดอาการฟันผุ การจูบกระตุ้นน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมาจึงช่วยชะล้างฟันของคุณให้สะอาด
9. เซ็กส์แก้ปวดหัว ตลอดกระบวนการทางเพศจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งไปปิดกั้นหลอดเลือดในสมองไว
10. ร่วมเพศบ่อย ๆ ช่วยแก้อาการคัดจมูกเพราะเซ็กส์เป็นยาแอนตี้ฮิสตามีนจากธรรมชาติ แก้อาการแพ้ฝุ่นแพ้ละอองได้ดี
11. เซ็กส์จะเป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีกว่า Valium “
แวเลี่ยม ” หลายเท่า ถ้าคุณสามารถมีเซ็กส์เกิน 5 ครั้งในหนึ่งคืน
บทความนี้ส่งมาถึงคุณ ๆ เพื่อหวังให้คุณโชคดีในเรื่องเพศ
บทความต้นฉบับอยู่ที่ห้อง ปาลาสโซ
บทความนี้ถูกนำเผยแพร่ไปทั่วโลกทั้งหมด 9 ครั้ง และตอนนี้เซ็กส์ได้ส่งมาถึงมือคุณแล้ว หมายถึงคุณผู้อ่านทุกคนด้วย
จากนี้อีก 4 วัน คุณจะได้รับ “ เซ็กส์มันหยด ”
และหวังว่าคุณจะช่วยเผยแพร่บทความนี้ต่อ ๆ ไป
ถ้าคุณไม่ส่งต่อบทความนี้ คุณจะไม่มีวันมีเซ็กส์ที่ดีอีกเลย
ชั่วชีวิตคุณจะไม่มีเซ็กส์อีก อวัยวะเพศของคุณจะเฉาและหมดสมรรถภาพ ; ( มันเคยเกิดขึ้นแล้วกับคนที่ไม่ปฏิบัติตามที่เราบอก)
นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ! > >> ขอให้มีความสุขทางเพศ แต่โปรดจำไว้ สำเนา 10 ฉบับ จะต้องผ่านอี-เมล์ของคุณหรือไปรษณีย์ก็ได้ออกไปภายใน 96 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มีความสุขทางเพศอีกต่อไปชั่วชีวิต เสียใจและขอโทษจริง ๆ ที่คุณพลาดไปแล้วที่มาอ่าน บทความนี้เข้า เพื่อความสุขทางเพศของคุณโปรดทำตามที่เราบอก
รอดตัวแล้วโว้ย 55555555
SEX - ลดความอ้วน
SEX - บำรุงความงาม
SEX - แก้ปวดหัว และอาการแพ้
SEX - ช่วยประหยัด … ไม่ต้องซื้อน้ำ หอม
SEX - ทำให้ผมนุ่มเป็นเงางาม
SEX - ฯลฯ … ฯลฯ … ฯลฯ
คุณรู้หรือไม่ว่าผิวหนังสามารถบอกคุณได้ว่าคน ๆ
นั้นกระตือรือร้นทางเพศหรือไม่
มีกิจกรรมทางเพศเฉื่อยชาหรือกระปี้กระเปร่าดี
ขอว่าเป็นข้อ ๆ
1. เซ็กส์คือการบำรุงความงาม การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่า ขณะ
ผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ เธอจะหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาปริมาณมาก
ซึ่งทำให้เส้นผมเป็นเงางามและผิวหนังนุ่มนวล
2. เพศสัมพันธ์ที่อ่อนโยนและผ่อนคลายช่วยลดการอักเสบทางผิวหนัง เช่น สิว และผื่นต่าง ๆ ได้ เหงื่อที่ไหลออกมาเป็นตัวชะล้างรูขุมขน ทำให้ผิวหนังผ่องใส
3. เพศสัมพันธ์ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ที่คุณกินเข้าไปช่วงมื้อค่ำอันโรแมนติก
4. เซ็กส์คือการออกกำลังกายที่ปลอดภัยที่สุด
มันทั้งช่วยยืดเส้นยืดสายและทำให้กล้ามเนื้อตึงในทุก ๆ ส่วน ของร่างกาย
อีกทั้งน่าสนุกกว่าจ๊อกกิ้งหรือว่ายน้ำสัก 20 เที่ยว เป็นไหน ๆ
แถมยังไม่ต้องใช้รองเท้ากีฬาแพง ๆ
5. เซ็กส์ช่วยลดความตึงเครียดได้ดียิ่งกิจกรรมทางเพศช่วยหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ในกระแสเลือดทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น
6. มีเซ็กส์บ่อย ๆ คุณยิ่งได้รับสารเคมีที่ชื่อ “ ฟีโรโมนส์ ” (Pheromones) มากยิ่งขึ้น
7. กลิ่นตัวที่ถูกขับออกมาขณะมีความต้องการทางเพศ เป็น “ น้ำหอม ”
ที่ช่วยกระตุ้นให้เพศตรงข้ามคึกคักได้อย่างเหลือเชื่อ
8.จูบกันทุกกวันลดอาการฟันผุ การจูบกระตุ้นน้ำลายให้ขับน้ำลายออกมาจึงช่วยชะล้างฟันของคุณให้สะอาด
9. เซ็กส์แก้ปวดหัว ตลอดกระบวนการทางเพศจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดซึ่งไปปิดกั้นหลอดเลือดในสมองไว
10. ร่วมเพศบ่อย ๆ ช่วยแก้อาการคัดจมูกเพราะเซ็กส์เป็นยาแอนตี้ฮิสตามีนจากธรรมชาติ แก้อาการแพ้ฝุ่นแพ้ละอองได้ดี
11. เซ็กส์จะเป็นยานอนหลับที่มีประสิทธิภาพดีกว่า Valium “
แวเลี่ยม ” หลายเท่า ถ้าคุณสามารถมีเซ็กส์เกิน 5 ครั้งในหนึ่งคืน
บทความนี้ส่งมาถึงคุณ ๆ เพื่อหวังให้คุณโชคดีในเรื่องเพศ
บทความต้นฉบับอยู่ที่ห้อง ปาลาสโซ
บทความนี้ถูกนำเผยแพร่ไปทั่วโลกทั้งหมด 9 ครั้ง และตอนนี้เซ็กส์ได้ส่งมาถึงมือคุณแล้ว หมายถึงคุณผู้อ่านทุกคนด้วย
จากนี้อีก 4 วัน คุณจะได้รับ “ เซ็กส์มันหยด ”
และหวังว่าคุณจะช่วยเผยแพร่บทความนี้ต่อ ๆ ไป
ถ้าคุณไม่ส่งต่อบทความนี้ คุณจะไม่มีวันมีเซ็กส์ที่ดีอีกเลย
ชั่วชีวิตคุณจะไม่มีเซ็กส์อีก อวัยวะเพศของคุณจะเฉาและหมดสมรรถภาพ ; ( มันเคยเกิดขึ้นแล้วกับคนที่ไม่ปฏิบัติตามที่เราบอก)
นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ! > >> ขอให้มีความสุขทางเพศ แต่โปรดจำไว้ สำเนา 10 ฉบับ จะต้องผ่านอี-เมล์ของคุณหรือไปรษณีย์ก็ได้ออกไปภายใน 96 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่มีความสุขทางเพศอีกต่อไปชั่วชีวิต เสียใจและขอโทษจริง ๆ ที่คุณพลาดไปแล้วที่มาอ่าน บทความนี้เข้า เพื่อความสุขทางเพศของคุณโปรดทำตามที่เราบอก
รอดตัวแล้วโว้ย 55555555
วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553
หมาขี้เรื้อน เรื่องดีๆที่อยากแบ่งปัน
> หมาขี้เรื้อน
> เรื่องดีๆ ที่อยากแบ่งปัน
>
> ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่ง
> เพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก
> ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
> ก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน
> เพื่อเห็นแก่แม่ บัณฑิตใหม่หมาดๆ
> จากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ ได้
> เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯ แห่งหนึ่งเสร็จแล้ว
> ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
> พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดี มีแต่ความสุขสบาย
> เมื่อมาอยู่วัดป่า กว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน
> แต่ก็นั่นแหละ กว่าจะนิ่งได้
> ก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆ กัน
> ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอา ก็เพราะ
> พระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด และชอบอวดรู้ ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
> วันแรกที่มาอยู่วัดป่า ก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่า
> ไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน
> ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง
> เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย
> ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่
> ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกิน
> กว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่ง จนขาเป็นเหน็บชา
> ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้าง
> ก็ทำอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไปประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้
> โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่ง
> ทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้
> ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น
> ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด
> มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้ว ช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า
> ทุกประตู นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ
> พอกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
> อยู่มาได้พักใหญ่
> พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา
> ซ้ำนานๆ ครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง
> วันๆไม่เห็นท่านทำอะไร เอาแต่กวาดใบไม้เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มี
> ไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน
> การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง
> เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา
> จึงเสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
> รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่ง
> เพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว
> ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
> อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอ
> ให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้
> สอนให้มากขึ้น เทศน์ให้มากขึ้น
> และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเอง
> ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
> เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ
> หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติ กลางลานทรายด้วย
> ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่ม
> สามเณรน้อยทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน
> อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา
> แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง
> ที่นอนอยู่ใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ “เธอ
> ทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะ
> มันเป็นขี้เรื้อน
> คันไป ทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยว ก็วิ่งไปนอนตรงนั้น
> เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้
> อยู่ ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นาน เพราะมันคัน.. แต่พวกเธอรู้ไหม
> เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่า
> แต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน
> สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้ว
> มันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่ หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลย
> ต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า
> เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้น หาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่..
> แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก”
> พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลง
> เป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว
> ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น
> ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไร
> ก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อน ที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่ง
> นั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
> นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา
> พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
> จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโส
> กลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
> จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง
> เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขา
> เพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจของครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก "อาตมา
> เป็นหมาขี้เรื้อน
> ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่ง
> พรรษาเถอะนะโยมแม่" โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุ
> กราบลาพระลูกชาย แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถ
> พลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่า ! คำว่า “หมาขี้เรื้อน”
> ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
> ถ้า เรายังเป็นโรคอยู่ในใจ ไม่พอใจอะไรซักอย่าง เช่น
> เงินเดือนน้อย
> หน้าที่การงานไม่พัฒนา ตำแหน่งไม่ไปไหน ไม่ว่าเราย้ายงานไปที่ไหน
> เราก็ไม่พอใจ สถานที่เหล่านั้นไม่ดี คนไม่ได้เรื่องทั้งๆ
> ที่เราไม่เคยได้ดูตัวเองเลยว่า เรา พัฒนาการทำงานของเรามั้ย
> ขวนขวายหาความรู้หรือเปล่า ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับหมาขี้เรื้อนตัวนั้นเลย
> เรื่องดีๆ ที่อยากแบ่งปัน
>
> ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่ง
> เพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก
> ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
> ก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน
> เพื่อเห็นแก่แม่ บัณฑิตใหม่หมาดๆ
> จากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ ได้
> เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯ แห่งหนึ่งเสร็จแล้ว
> ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
> พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดี มีแต่ความสุขสบาย
> เมื่อมาอยู่วัดป่า กว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน
> แต่ก็นั่นแหละ กว่าจะนิ่งได้
> ก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆ กัน
> ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอา ก็เพราะ
> พระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด และชอบอวดรู้ ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
> วันแรกที่มาอยู่วัดป่า ก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่า
> ไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน
> ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง
> เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย
> ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่
> ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกิน
> กว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่ง จนขาเป็นเหน็บชา
> ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้าง
> ก็ทำอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไปประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้
> โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่ง
> ทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้
> ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น
> ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด
> มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้ว ช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า
> ทุกประตู นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ
> พอกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
> อยู่มาได้พักใหญ่
> พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา
> ซ้ำนานๆ ครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง
> วันๆไม่เห็นท่านทำอะไร เอาแต่กวาดใบไม้เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มี
> ไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน
> การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง
> เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา
> จึงเสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
> รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่ง
> เพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว
> ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
> อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอ
> ให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้
> สอนให้มากขึ้น เทศน์ให้มากขึ้น
> และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเอง
> ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
> เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ
> หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติ กลางลานทรายด้วย
> ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่ม
> สามเณรน้อยทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน
> อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา
> แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง
> ที่นอนอยู่ใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ “เธอ
> ทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะ
> มันเป็นขี้เรื้อน
> คันไป ทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยว ก็วิ่งไปนอนตรงนั้น
> เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้
> อยู่ ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นาน เพราะมันคัน.. แต่พวกเธอรู้ไหม
> เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่า
> แต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน
> สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้ว
> มันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่ หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลย
> ต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า
> เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้น หาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่..
> แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก”
> พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลง
> เป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตรสวดมนต์เย็นแล้ว
> ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น
> ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไร
> ก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อน ที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่ง
> นั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
> นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา
> พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
> จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโส
> กลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
> จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง
> เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขา
> เพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจของครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก "อาตมา
> เป็นหมาขี้เรื้อน
> ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่ง
> พรรษาเถอะนะโยมแม่" โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุ
> กราบลาพระลูกชาย แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถ
> พลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่า ! คำว่า “หมาขี้เรื้อน”
> ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
> ถ้า เรายังเป็นโรคอยู่ในใจ ไม่พอใจอะไรซักอย่าง เช่น
> เงินเดือนน้อย
> หน้าที่การงานไม่พัฒนา ตำแหน่งไม่ไปไหน ไม่ว่าเราย้ายงานไปที่ไหน
> เราก็ไม่พอใจ สถานที่เหล่านั้นไม่ดี คนไม่ได้เรื่องทั้งๆ
> ที่เราไม่เคยได้ดูตัวเองเลยว่า เรา พัฒนาการทำงานของเรามั้ย
> ขวนขวายหาความรู้หรือเปล่า ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับหมาขี้เรื้อนตัวนั้นเลย
วันอังคารที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2553
คาถามบูชาเมีย
รักเมีย ต้องอดทน ต้องเป็นคน เคารพเมีย
รักเมีย ต้องส่งเสีย อย่าให้เมีย ต้องเสียใจ
รักเมีย ต้องรักเดียว อย่าได้เที่ยว ไปรักใคร
รักเมีย ต้องทำใจ ถึงอย่างไร เทอก็เมีย
รักเมีย อย่าขี้เหล้า เมียจะเหงา เราจะเสีย
รักเมีย อย่าอ่อนเพลีย คนรักเมีย ต้องแข็งแรง
รักเมีย อย่ารุนแรง ค่อยๆแซง อย่าขับไว
รักเมีย ต้องยอมเมีย เพราะว่าเมีย ไม่ยอมใคร
รักเมีย ต้องเข้าใจ ไม่มีใคร ใหญ่กว่าเมีย
รักเมีย อย่าเกี่ยงเมีย คำพูดเมีย ใหญ่กว่าใคร
ชาติหน้า มีฉันท์ใด จงจำไว้ อย่ามีเมีย
รักเมีย ต้องส่งเสีย อย่าให้เมีย ต้องเสียใจ
รักเมีย ต้องรักเดียว อย่าได้เที่ยว ไปรักใคร
รักเมีย ต้องทำใจ ถึงอย่างไร เทอก็เมีย
รักเมีย อย่าขี้เหล้า เมียจะเหงา เราจะเสีย
รักเมีย อย่าอ่อนเพลีย คนรักเมีย ต้องแข็งแรง
รักเมีย อย่ารุนแรง ค่อยๆแซง อย่าขับไว
รักเมีย ต้องยอมเมีย เพราะว่าเมีย ไม่ยอมใคร
รักเมีย ต้องเข้าใจ ไม่มีใคร ใหญ่กว่าเมีย
รักเมีย อย่าเกี่ยงเมีย คำพูดเมีย ใหญ่กว่าใคร
ชาติหน้า มีฉันท์ใด จงจำไว้ อย่ามีเมีย
วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
10 วิธีถนอมเมีย และกิ๊ก
เพื่อทะนุถนอมอายุการใช้งานเมียของท่านให้ยืนยาว
และเป็นการรักษาอายุของท่านเองด้วย เราขอแนะนำข้อปฏิบัติ
หลักสิบประการ เพื่อใช้และบำรุงรักษาเมียออโตเมติก ดังต่อไปนี้
1. เมื่อเริ่มจะใช้งานเมียนั้น ควรอุ่นเครื่องก่อนทุกครั้ง
เพราะการใช้งาน ทันทีทันใด ในขณะที่น้ำมันเครื่องยังไม่ได้หล่อลื่นไปทั่วห้องเค รื่องนั้น
อาจทำให้ลูกสูบติด หัก หรืองอได้
2. ในตอนออกสตาร์ทใหม่ๆ อย่าเร่งเครื่องทันที
เพราะการเร่งเครื่องทันทีนั้น อาจทำให้ ผู้ขับเกิดอาการอ่อนเพลีย
ขับได้ไม่นาน อาการตอบสนองของเครื่องจะไม่ดี เครื่องกระตุก นอกจากนั้น
เครื่องอาจหงุดหงิด เกิดอาการสำลักน้ำมันได้ง่าย และการเดินทางจะไม่ถึงที่หมาย
3. ในขณะติดไฟแดงนั้น ไม่ควรใช้งาน แม้ในทางทฤษฎีแล้ว
เครื่องบางเครื่องอาจเป็นช่วงเหมาะสมที่จะนำไปใช้งาน
แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ไม่ควรใช้งาน
เนื่องจากเครื่องอาจเกิดปัญหา ผุกร่อน คราบเขม่า น้ำมันจารบี
อีกทั้งยังอาจผลเสียต่อสุขภาพของผู้ขับขี่ และเครื่องเช่นกัน
ในจังหวะไฟเขียว ก็ควรจะดูรอบเครื ่องและอุณหภูมิด้วย
อย่าสุ่มสี่สุ่มห้า ใช้ไม่บันยะบันยัง อาจเกิดปัญหาอื่นตามมาได้
โดยเฉพาะในกรณีท่านที่ขับรถสปอร์ต ยืมเขามาขับ
หรือลักลอบขับยิ่งอันตรายมาก
สำหรับผู้ขับที่ยังไม่ได้มีรถส่วนตัวอย่างแท้จริง
ส่วนท่านที่ใช้รถครอบครัวกรณีนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใ ด ตกลงกันได้เสมอ
4. สำหรับรถและเครื่องที่มีอายุการใช้งานมานาน
การขับขี่อาจนุ่มนวล แต่รู้สึกว่าการตอบสนองไม่เร้าใจ
เนื่องจากเกิดความคุ้นชิน ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า
ท่านอาจเปลี่ยนแปลงวิธีขับ เช่น รู้จักเข้าโค้งอย่างนุ่มนวล
หรือในทางตรงกันข้าม เข้าโค้งรุนแรง ขับถอยหลัง ขับออกด้านข้าง
ขับขึ้นเขา ขับลงเขา ขับๆ หยุด ๆ
ซึ่งจะเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ขับเกิดความตื่นเต้น และเครื่องยนต์
ก็จะตอบสนองดีขึ้น หากท่านใช้วิธีขับแบบเดิม ทื่อๆ ไป ไม่มีความเร้าใจ
เครื่องและรถก็อาจอยากได้คนขับใหม่ด้วยเช่นกัน
อย่าได้คิดว่าเปลี่ยนรถจะง่ายกว่าฝ่ายเดียวนะ
5. สำหรับมือใหม่หัดขับนั้น หากได้รถยังไม่พ้น รัน-อิน
ยิ่งควรทะนุถนอม เพราะการขับอย่างรุนแรง ตะกรุมตะกรามนั้น
อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเข็ด
และไม่ให้ความร่วมมือในการเดินทางครั้งต่อไป เนื่องจาก
อาจเกิดภาวะความเสียหายของห้องเครื่องได้ง่าย ควรค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง จึงควรเปลี่ยนแปลงวิธีการขับ
เป็นขับโลดโผน เสี่ยงตาย ขับควงสว่าน ขับลงน้ำ ขับกลางสายฝน
ขับหงายท้อง ก็แล้วแต่จะดัดแปลง
6. สำหรับผู้ใช้รถเก่า เมื่ออายุการใช้งานนานพอสมควร
หรืออายุเครื่องถึงสามสิบปี ควรนำเข้าศูนย์ เช็คช่วงล่าง
และกันชนหน้าเสมอ เพราะอาจเกิดสภาวะการผุกร่อน หรือการเปลี่ยน
แปลงทางเคมี ขอให้นำเข้าตรวจสภาพเป็นประจำ เพื่อยืดอายุการใช้งาน
รักรถ ต้องหมั่นตรวจ โปรดจำไว้..ส่วนการจะนำไปโอเว่อร์ฮอล หรือไม่นั้น
แล้วแต่จะตกลงกัน ในความเป็นจริงผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า
เรื่องนี้สำคัญที่ใจ และฝีมือคนขับด้วย ไม่ใช่โทษแต่เครื่องยนต์อย่างเดียว
7. ระหว่างการขับขี่ ไม่ว่ารถมีอายุการใช้งานอย่างใด
ข้อควรระวังก็คือ ห้ามบ่นอย่างเด็ดขาด ว่า เครื่องไม่ฟิตเหมือนเดิม
หรือว่ากำลังแรงม้าลดลง ขับไม่ตื่นเต้น หรือชมว่า คันนู้น คันนี้
น่านั่งน่าขับ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตได้ หรืออย่างเบาะ ๆ
อาจเสียทรัพย์สิน อุบัติเหตุในเรื่องดังกล่าว มี
อัตราชายไทยเสียชีวิตสูงมาก สังเกตุได้จากหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวัน
8. เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการขับขี่ :
การใช้งานอย่างราบรื่นนั้น อาจต้องหมั่นเปลี่ยนบรรยากาศการขับ
เปลี่ยนสถานที่ขับขี่ (อย่าเปลี่ยนคัน อันตรายมาก เตือนแล้ว!!)
สำหรับท่านที่ใช้รถครอบครัว
ให้ดูแลลูกเต้าให้หลับเป็นที่เป็นทางให้เรียบร้อย
เพราะการขับขี่อาจหยุดชะงักลงได้ เนื่องจากเจอปัญหา เด็กข้ามตัดหน้า
เด็กเปิดประตูระหว่างขับ ไม่ข้ามทางม้าลาย จนต้องอุทาน 'ลูกใครหว่า?'
เขิน เป็นที่สุด..อ้อ..ไม่ควรสูบบุหรี่ก่อน หรือระหว่างขับ
เนื่องจากกลิ่นบุหรี่จะทำให้รถเกิดความสกปรก เครื่องยนต์ตอบสนองไม่ดี
แปรงฟันเสียด้วย หากกินข้าวกินปลาเสร็จใหม่ๆ พักสักแป๊บก็ดี
เดี๋ยวจุกแย่ ผู้ขับมือใหม่ หากตื่นเต้น ระหว่างขับ ให้ชลอความเร็ว
ลดรอบเครื่องยนต์ คิดเรื่องอื่น ๆ สูดหายใจยาว ๆ
จะทำให้เกิดการผ่อนคลาย และเดินทางได้นานขึ้น
9. ความรู้ทางด้านช่างเบื้องต้น: ระวังรักษา ท่อไอดี และไอเสีย
และท่อเติม น้ำมัน ให้ทำงานดีเสมอ การใช้งานอย่างสับสน
ผิดท่อผิดทางนั้น อาจเกิดความตื่นเต้นในการขับขี่เป็นครั้งคราว
แต่ทั้งนี้ อาจเกิดผลเสียแก่เครื่องยนต์ในระยะยาว รักษาความสะอาด
ทั้งห ัวจ่ายน้ำมัน และท่อต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
หมั่นตรวจเครื่องยนต์และอื่น ๆ ชมได้ ห้ามติ โดยเฉพาะ กันชนเล็กไป
นุ่มไป เหลวไป หย่อนไป เครื่องหลวม เครื่องสั่น ม่ฟิต เร่งไม่แรง
แซงไม่พ้นโปรดพึงสังวร ว่าเกิดจากการใช้งานอย่างไม่ถูกวิธีของท่าน
หาใช่เกิดจากผู้ผลิต
10. ความปลอดภัย และวินัยจราจร: เมาไม่ขับ เนื่องจาก
หากเมามากเกินไป แม้มีความเชื่อว่า จะทำให้ขับได้นาน ทรหดก็ตาม
แต่ก็จะสูญเสียทัศนวิสัย และความสามารถในการตอบสนองอื่น ๆ
อาจเกิดการผิดที่ผิดทาง ลืมคาดเข็มขัดนิรภัย ขับผิดคัน
ล้วนแต่เป็นเหตุแห่งความเสี่ยงต่อชีวิตทั้งสิ้น
และเป็นการรักษาอายุของท่านเองด้วย เราขอแนะนำข้อปฏิบัติ
หลักสิบประการ เพื่อใช้และบำรุงรักษาเมียออโตเมติก ดังต่อไปนี้
1. เมื่อเริ่มจะใช้งานเมียนั้น ควรอุ่นเครื่องก่อนทุกครั้ง
เพราะการใช้งาน ทันทีทันใด ในขณะที่น้ำมันเครื่องยังไม่ได้หล่อลื่นไปทั่วห้องเค รื่องนั้น
อาจทำให้ลูกสูบติด หัก หรืองอได้
2. ในตอนออกสตาร์ทใหม่ๆ อย่าเร่งเครื่องทันที
เพราะการเร่งเครื่องทันทีนั้น อาจทำให้ ผู้ขับเกิดอาการอ่อนเพลีย
ขับได้ไม่นาน อาการตอบสนองของเครื่องจะไม่ดี เครื่องกระตุก นอกจากนั้น
เครื่องอาจหงุดหงิด เกิดอาการสำลักน้ำมันได้ง่าย และการเดินทางจะไม่ถึงที่หมาย
3. ในขณะติดไฟแดงนั้น ไม่ควรใช้งาน แม้ในทางทฤษฎีแล้ว
เครื่องบางเครื่องอาจเป็นช่วงเหมาะสมที่จะนำไปใช้งาน
แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้ว ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ไม่ควรใช้งาน
เนื่องจากเครื่องอาจเกิดปัญหา ผุกร่อน คราบเขม่า น้ำมันจารบี
อีกทั้งยังอาจผลเสียต่อสุขภาพของผู้ขับขี่ และเครื่องเช่นกัน
ในจังหวะไฟเขียว ก็ควรจะดูรอบเครื ่องและอุณหภูมิด้วย
อย่าสุ่มสี่สุ่มห้า ใช้ไม่บันยะบันยัง อาจเกิดปัญหาอื่นตามมาได้
โดยเฉพาะในกรณีท่านที่ขับรถสปอร์ต ยืมเขามาขับ
หรือลักลอบขับยิ่งอันตรายมาก
สำหรับผู้ขับที่ยังไม่ได้มีรถส่วนตัวอย่างแท้จริง
ส่วนท่านที่ใช้รถครอบครัวกรณีนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใ ด ตกลงกันได้เสมอ
4. สำหรับรถและเครื่องที่มีอายุการใช้งานมานาน
การขับขี่อาจนุ่มนวล แต่รู้สึกว่าการตอบสนองไม่เร้าใจ
เนื่องจากเกิดความคุ้นชิน ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า
ท่านอาจเปลี่ยนแปลงวิธีขับ เช่น รู้จักเข้าโค้งอย่างนุ่มนวล
หรือในทางตรงกันข้าม เข้าโค้งรุนแรง ขับถอยหลัง ขับออกด้านข้าง
ขับขึ้นเขา ขับลงเขา ขับๆ หยุด ๆ
ซึ่งจะเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ขับเกิดความตื่นเต้น และเครื่องยนต์
ก็จะตอบสนองดีขึ้น หากท่านใช้วิธีขับแบบเดิม ทื่อๆ ไป ไม่มีความเร้าใจ
เครื่องและรถก็อาจอยากได้คนขับใหม่ด้วยเช่นกัน
อย่าได้คิดว่าเปลี่ยนรถจะง่ายกว่าฝ่ายเดียวนะ
5. สำหรับมือใหม่หัดขับนั้น หากได้รถยังไม่พ้น รัน-อิน
ยิ่งควรทะนุถนอม เพราะการขับอย่างรุนแรง ตะกรุมตะกรามนั้น
อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเข็ด
และไม่ให้ความร่วมมือในการเดินทางครั้งต่อไป เนื่องจาก
อาจเกิดภาวะความเสียหายของห้องเครื่องได้ง่าย ควรค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง จึงควรเปลี่ยนแปลงวิธีการขับ
เป็นขับโลดโผน เสี่ยงตาย ขับควงสว่าน ขับลงน้ำ ขับกลางสายฝน
ขับหงายท้อง ก็แล้วแต่จะดัดแปลง
6. สำหรับผู้ใช้รถเก่า เมื่ออายุการใช้งานนานพอสมควร
หรืออายุเครื่องถึงสามสิบปี ควรนำเข้าศูนย์ เช็คช่วงล่าง
และกันชนหน้าเสมอ เพราะอาจเกิดสภาวะการผุกร่อน หรือการเปลี่ยน
แปลงทางเคมี ขอให้นำเข้าตรวจสภาพเป็นประจำ เพื่อยืดอายุการใช้งาน
รักรถ ต้องหมั่นตรวจ โปรดจำไว้..ส่วนการจะนำไปโอเว่อร์ฮอล หรือไม่นั้น
แล้วแต่จะตกลงกัน ในความเป็นจริงผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า
เรื่องนี้สำคัญที่ใจ และฝีมือคนขับด้วย ไม่ใช่โทษแต่เครื่องยนต์อย่างเดียว
7. ระหว่างการขับขี่ ไม่ว่ารถมีอายุการใช้งานอย่างใด
ข้อควรระวังก็คือ ห้ามบ่นอย่างเด็ดขาด ว่า เครื่องไม่ฟิตเหมือนเดิม
หรือว่ากำลังแรงม้าลดลง ขับไม่ตื่นเต้น หรือชมว่า คันนู้น คันนี้
น่านั่งน่าขับ เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตได้ หรืออย่างเบาะ ๆ
อาจเสียทรัพย์สิน อุบัติเหตุในเรื่องดังกล่าว มี
อัตราชายไทยเสียชีวิตสูงมาก สังเกตุได้จากหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวัน
8. เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการขับขี่ :
การใช้งานอย่างราบรื่นนั้น อาจต้องหมั่นเปลี่ยนบรรยากาศการขับ
เปลี่ยนสถานที่ขับขี่ (อย่าเปลี่ยนคัน อันตรายมาก เตือนแล้ว!!)
สำหรับท่านที่ใช้รถครอบครัว
ให้ดูแลลูกเต้าให้หลับเป็นที่เป็นทางให้เรียบร้อย
เพราะการขับขี่อาจหยุดชะงักลงได้ เนื่องจากเจอปัญหา เด็กข้ามตัดหน้า
เด็กเปิดประตูระหว่างขับ ไม่ข้ามทางม้าลาย จนต้องอุทาน 'ลูกใครหว่า?'
เขิน เป็นที่สุด..อ้อ..ไม่ควรสูบบุหรี่ก่อน หรือระหว่างขับ
เนื่องจากกลิ่นบุหรี่จะทำให้รถเกิดความสกปรก เครื่องยนต์ตอบสนองไม่ดี
แปรงฟันเสียด้วย หากกินข้าวกินปลาเสร็จใหม่ๆ พักสักแป๊บก็ดี
เดี๋ยวจุกแย่ ผู้ขับมือใหม่ หากตื่นเต้น ระหว่างขับ ให้ชลอความเร็ว
ลดรอบเครื่องยนต์ คิดเรื่องอื่น ๆ สูดหายใจยาว ๆ
จะทำให้เกิดการผ่อนคลาย และเดินทางได้นานขึ้น
9. ความรู้ทางด้านช่างเบื้องต้น: ระวังรักษา ท่อไอดี และไอเสีย
และท่อเติม น้ำมัน ให้ทำงานดีเสมอ การใช้งานอย่างสับสน
ผิดท่อผิดทางนั้น อาจเกิดความตื่นเต้นในการขับขี่เป็นครั้งคราว
แต่ทั้งนี้ อาจเกิดผลเสียแก่เครื่องยนต์ในระยะยาว รักษาความสะอาด
ทั้งห ัวจ่ายน้ำมัน และท่อต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
หมั่นตรวจเครื่องยนต์และอื่น ๆ ชมได้ ห้ามติ โดยเฉพาะ กันชนเล็กไป
นุ่มไป เหลวไป หย่อนไป เครื่องหลวม เครื่องสั่น ม่ฟิต เร่งไม่แรง
แซงไม่พ้นโปรดพึงสังวร ว่าเกิดจากการใช้งานอย่างไม่ถูกวิธีของท่าน
หาใช่เกิดจากผู้ผลิต
10. ความปลอดภัย และวินัยจราจร: เมาไม่ขับ เนื่องจาก
หากเมามากเกินไป แม้มีความเชื่อว่า จะทำให้ขับได้นาน ทรหดก็ตาม
แต่ก็จะสูญเสียทัศนวิสัย และความสามารถในการตอบสนองอื่น ๆ
อาจเกิดการผิดที่ผิดทาง ลืมคาดเข็มขัดนิรภัย ขับผิดคัน
ล้วนแต่เป็นเหตุแห่งความเสี่ยงต่อชีวิตทั้งสิ้น
วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
ยาธรรมชาติ
หัวจดเท้ารักษาเองได้ก่อนไปหาหมอ
๑. ไขมันในเลือดสูง แทนที่จะหายามากินให้ปวดหัว ตับพังก็หากระเทียมสดมากินสักวันละ ๑๐ กลีบกับกินหอมหัวใหญ่สดวันละครึ่งหัว
๒. ปวดหัว ให้หาผักคะน้าหรือปวยเล้ง (แมกนีเซียม) กินวันละ ๕ ขีดและกินปลาทูอีกวันละ ๒ ตัว (น้ำมันปลาลดการอักเสบได้) หรือจะชงโกโก้กินหน่อยก็ช่วยได้ค่ะ
๓. เป็นหวัด ไอ จามบ่อย ให้หมั่นแปรงลิ้นและกินกระเทียม, หอม, พริกให้มากเข้าไว้
๔. ภูมิแพ้ แค่กินฝรั่งวันละ ๕ ชิ้นกับเมล็ดฟักทองวันละ ๑ กำมือ (สังกะสี)
๕. แพ้ฝุ่นละออง ไรฝุ่น หาโยเกิร์ตแบบรสธรรมชาติและนมเปรี้ยวไม่หวานจัดมากิน
๖.โรคหืดหอบ ไอเรื้อรัง กินต้มยำไก่, กินหัวหอมใหญ่, หอมแดง, ต้นหอมและเอาหอมซุกไว้ใต้หมอน
๗.นอนไม่หลับ ตักน้ำผึ้งกินก่อนนอนสักวันละ ๒ ช้อนโต๊ะ ถ้าหาน้ำผึ้งไม่ได้ใช้น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะแทน ถ้าอยากให้หลับสบายเพิ่มเติมขี้เหล็กและมะรุมเข้าไปหน่อย
๘.ไขข้ออักเสบ หาปลาเนื้อมันกินวันละ ๒ ขีด เช่นปลาทู, ปลาสวาย, ปลาแซลม่อน, ปลาซาร์ดีน, ปลาทูน่าหรือแม้แต่ปลากระป๋อง
๙. กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย ให้กินน้ำกระเจี๊ยบไม่หวานจัดวันละ ๓ มื้อ หรือน้ำแครนเบอรี่ของฝรั่งในปริมาณเท่ากัน ( เปรี้ยวจัดมาก)
๑๐.ท้องอืด แก๊สมาก ให้กินกล้วยหักมุกปิ้งหรือขิงบ่อย ๆ
๑๑.ท้องผูก ชงน้ำผึ้งดื่มวันละ ๓ ช้อนโต๊ะและให้กินน้ำมะขามต้มติดเนื้อมาก เช้า เย็น
๑๒.โรคกระเพาะอาหาร หากล้วยหักมุกปิ้งกิน, กินกล้วยหรือกินผักกระ หล่ำปลีให้มาก
๑๓.เวียนหัว คลื่นไส้ง่าย ให้หาอาหารทำจากขิงรับประทาน เช่น ปลาผัดขิง ไก่ผัดขิง, น้ำขิง, ชาขิงหรือเต้าฮวย
๑๔.วัยทอง วูบวาบ อารมณ์ปรวน ให้กินปลาทูน่าให้มากและกินเต้าหู้เหลืองวันละ ๑ แผ่น ถ้ากินเต้าหู้แล้วเบื่อให้สลับกับถั่วลิสงวันละ ๑ กำมือก็ได้
๑๕.หงุดหงิดง่าย ให้กินอาหารร่าเริง คือ ข้าวเหนียวดำ ข้าวโพด กลอย กล้วยหอมและปลาทูน่า
๑๖.กระดูกพรุน ให้กินงาดำวันละ ๔ ช้อนโต๊ะ (ได้แคลเซียมเท่ากับเม็ดใหญ่) มะม่วงจิ้มกะปิและสับปะรดซึ่งมีธาตุสมานกระดูดอยู่มาก ( แมงกานีส)
๑๗.ความจำไม่ดี ให้กินปลาทูวันละ ๒ ขีด หอยแครงและหอยนางรมซึ่งมีธาตุสังกะสีช่วยสมองได้
๑๘.มะเร็งเต้านม ให้กินบร็อคโคลีหรือคะน้าวันละ ๕ ขีด
๑๙.มะเร็งปอดทางเดินหายใจ ให้กินเสาวรส ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามป้อม มะละกอ มะม่วง ให้มาก เพราะวิตามินซีช่วยสมานหลอดเลือดในปอดได้ดี แต่ต้องระวังวิตามินเอโดยเฉพาะผู่ที่ยังสูบบุหรี่อยู่
๒๐.ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน กินแอปเปิ้ลเขียววันละ ๑-๒ ผล หรือน้ำแอปเปิ้ลเขียวปั่นทั้งกาก จะเป็นการล้างพิษในตัวด้วย
๒๑.เจ็บอก โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ กินปลาทะเล น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน ผลอโวคาโดเพราะเหล่านี้มีไขมันดีไปช่วยขับตะกรันน้ำมันเก่าออก ถ้าชอบดื่มชาให้หาชาเขียวสดมาชงดื่มเองวันละถ้วย
๒๒.ความดันสูง ต้องตัดบุหรี่และอาหารเค็ม ลองหาข้าวโอ๊ตไม่ขัดสีมากินและผักขึ้นฉ่ายสดหรือปั่นก็ได้ จะช่วยคุมความดันให้ดีขึ้น
๒๓.เบาหวานถามหา ให้เลี่ยงแป้งกับน้ำตาลและกินผักเขียวจัดอย่างคะน้า บร็อคโคลี ผักโขมให้มาก ถ้าอยากหวานให้กินส้มโอและฝรั่งเพราะมีน้ำตาลอยู่น้อยมาก
๑. ไขมันในเลือดสูง แทนที่จะหายามากินให้ปวดหัว ตับพังก็หากระเทียมสดมากินสักวันละ ๑๐ กลีบกับกินหอมหัวใหญ่สดวันละครึ่งหัว
๒. ปวดหัว ให้หาผักคะน้าหรือปวยเล้ง (แมกนีเซียม) กินวันละ ๕ ขีดและกินปลาทูอีกวันละ ๒ ตัว (น้ำมันปลาลดการอักเสบได้) หรือจะชงโกโก้กินหน่อยก็ช่วยได้ค่ะ
๓. เป็นหวัด ไอ จามบ่อย ให้หมั่นแปรงลิ้นและกินกระเทียม, หอม, พริกให้มากเข้าไว้
๔. ภูมิแพ้ แค่กินฝรั่งวันละ ๕ ชิ้นกับเมล็ดฟักทองวันละ ๑ กำมือ (สังกะสี)
๕. แพ้ฝุ่นละออง ไรฝุ่น หาโยเกิร์ตแบบรสธรรมชาติและนมเปรี้ยวไม่หวานจัดมากิน
๖.โรคหืดหอบ ไอเรื้อรัง กินต้มยำไก่, กินหัวหอมใหญ่, หอมแดง, ต้นหอมและเอาหอมซุกไว้ใต้หมอน
๗.นอนไม่หลับ ตักน้ำผึ้งกินก่อนนอนสักวันละ ๒ ช้อนโต๊ะ ถ้าหาน้ำผึ้งไม่ได้ใช้น้ำตาลทราย ๒ ช้อนโต๊ะแทน ถ้าอยากให้หลับสบายเพิ่มเติมขี้เหล็กและมะรุมเข้าไปหน่อย
๘.ไขข้ออักเสบ หาปลาเนื้อมันกินวันละ ๒ ขีด เช่นปลาทู, ปลาสวาย, ปลาแซลม่อน, ปลาซาร์ดีน, ปลาทูน่าหรือแม้แต่ปลากระป๋อง
๙. กระเพาะปัสสาวะอักเสบบ่อย ให้กินน้ำกระเจี๊ยบไม่หวานจัดวันละ ๓ มื้อ หรือน้ำแครนเบอรี่ของฝรั่งในปริมาณเท่ากัน ( เปรี้ยวจัดมาก)
๑๐.ท้องอืด แก๊สมาก ให้กินกล้วยหักมุกปิ้งหรือขิงบ่อย ๆ
๑๑.ท้องผูก ชงน้ำผึ้งดื่มวันละ ๓ ช้อนโต๊ะและให้กินน้ำมะขามต้มติดเนื้อมาก เช้า เย็น
๑๒.โรคกระเพาะอาหาร หากล้วยหักมุกปิ้งกิน, กินกล้วยหรือกินผักกระ หล่ำปลีให้มาก
๑๓.เวียนหัว คลื่นไส้ง่าย ให้หาอาหารทำจากขิงรับประทาน เช่น ปลาผัดขิง ไก่ผัดขิง, น้ำขิง, ชาขิงหรือเต้าฮวย
๑๔.วัยทอง วูบวาบ อารมณ์ปรวน ให้กินปลาทูน่าให้มากและกินเต้าหู้เหลืองวันละ ๑ แผ่น ถ้ากินเต้าหู้แล้วเบื่อให้สลับกับถั่วลิสงวันละ ๑ กำมือก็ได้
๑๕.หงุดหงิดง่าย ให้กินอาหารร่าเริง คือ ข้าวเหนียวดำ ข้าวโพด กลอย กล้วยหอมและปลาทูน่า
๑๖.กระดูกพรุน ให้กินงาดำวันละ ๔ ช้อนโต๊ะ (ได้แคลเซียมเท่ากับเม็ดใหญ่) มะม่วงจิ้มกะปิและสับปะรดซึ่งมีธาตุสมานกระดูดอยู่มาก ( แมงกานีส)
๑๗.ความจำไม่ดี ให้กินปลาทูวันละ ๒ ขีด หอยแครงและหอยนางรมซึ่งมีธาตุสังกะสีช่วยสมองได้
๑๘.มะเร็งเต้านม ให้กินบร็อคโคลีหรือคะน้าวันละ ๕ ขีด
๑๙.มะเร็งปอดทางเดินหายใจ ให้กินเสาวรส ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามป้อม มะละกอ มะม่วง ให้มาก เพราะวิตามินซีช่วยสมานหลอดเลือดในปอดได้ดี แต่ต้องระวังวิตามินเอโดยเฉพาะผู่ที่ยังสูบบุหรี่อยู่
๒๐.ท้องเสีย ลำไส้แปรปรวน กินแอปเปิ้ลเขียววันละ ๑-๒ ผล หรือน้ำแอปเปิ้ลเขียวปั่นทั้งกาก จะเป็นการล้างพิษในตัวด้วย
๒๑.เจ็บอก โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ กินปลาทะเล น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน ผลอโวคาโดเพราะเหล่านี้มีไขมันดีไปช่วยขับตะกรันน้ำมันเก่าออก ถ้าชอบดื่มชาให้หาชาเขียวสดมาชงดื่มเองวันละถ้วย
๒๒.ความดันสูง ต้องตัดบุหรี่และอาหารเค็ม ลองหาข้าวโอ๊ตไม่ขัดสีมากินและผักขึ้นฉ่ายสดหรือปั่นก็ได้ จะช่วยคุมความดันให้ดีขึ้น
๒๓.เบาหวานถามหา ให้เลี่ยงแป้งกับน้ำตาลและกินผักเขียวจัดอย่างคะน้า บร็อคโคลี ผักโขมให้มาก ถ้าอยากหวานให้กินส้มโอและฝรั่งเพราะมีน้ำตาลอยู่น้อยมาก
วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
อาการบ่งชี้ตัวที่ 4 ของเส้นเลือดอุดตันในสมอง

B lood Clots/Stroke - They Now Have a Fourth Indicator, the Tongue
อาการบ่งชี้ตัวที่ 4 ของเส้นเลือดอุดตันในสมอง
I will continue to forward this every time it comes around!
ไม่ว่าจะได้รับเมล์นี้อีกกี่ครั้ง ฉันก็จะส่งต่อไป
STROKE: Remember the 1st Three Letters.... S.T.R.
เส้นเลือดอุดตันในสมอง (Stroke) ให้จำไว้ว่า อักษร 3 ตัวแรกคือ S.T.R
My nurse friend sent this and encouraged me to post it and spread the word. I agree.
เพื่อนพยาบาลส่งเมล์นี้มาให้ และสนับสนุนให้ฉันส่งต่อไปอีกเรื่อยๆให้ทั่วโลกเลยยิ่งดี ฉันก็เห็นด้วย
If everyone can remember something this simple, we could save some folks. Seriously..
ถ้าเราสามารถจำสิ่งง่ายๆเหล่านี้ได้ เราจะช่วยชีวิตคนบางคนได้..อันนี้เรื่องจริง
Please read:
STROKE IDENTIFICATION:
อาการบ่งชี้ของเส้นเลือดอุดตันในสมอง
During a BBQ, a friend stumbled and took a little fall - she assured everyone that she was fine (they offered to call paramedics)
she said she had just tripped over a brick because of her new shoes.
ระหว่างงานเลี้ยงบาร์บีคิว เพื่อนคนหนึ่งสะดุดล้มลงไปกองกับพื้น แต่เธอบอกกับทุกคนว่าเธอไม่เป็นไร (เพื่อนๆถามว่าจะให้เรียกแพทย์เคลื่อนที่มั้ย) เธอบอกว่าเธอแค่สะดุดก้อ นหินเพราะยังไม่ชินที่ใส่รองเท้าคู่ใหม่มา
They got her cleaned up and got her a new plate of food. While she appeared a bit shaken up, Ingrid went about enjoying
herself the rest of the evening
ทุกคนช่วยกันปัดเศษสกปรกออกไปจากตัวเธอและไปตักอาหารมาให้ใหม่ ตัว Ingrid เองหลังจากนั้นรู้สึกว่าจะมีอาการสั่นเล็กน้อย แต่ก็สนุกสนานดีตลอดเย็นวันนั้น
Ingrid's husband called later telling everyone that his wife had been taken to the hospital - (at 6:00 pm Ingrid passed away.) She had suffered a stroke at the BBQ. Had they known how to identify the signs of a stroke, perhaps Ingrid would be with us today. Some don't die. they end up in a helpless, hopeless condition instead.
หลังจากนั้น สามีของ Ingrid โทรหาเพื่อนๆทุกคนว่า ภรรยาเขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล (และเสียชีวิตในเวลา 6 นาฬิกา) เธอมีอาการของเส้นเลืดอุดตันในสมองตั้งแต่ตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงบาร์บีคิวแล้ว ถ้าทุกคนรู้ว่าเธอมีอาการนี้เสียตั้งแต่แรก บางที Ingrid อาจจะยังอยู่กับพวกเราในวันนี้ก็ได้ บางคนก็ไม่เสียชีวิต แต่ต้องใช้ชีวิตอย่างคนสิ้นหวังและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
It only takes a minute to read this...
ใช้เวลาอ่านบทความนี้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
A neurologist says that if he can get to a stroke victim within 3 hours he can totally reverse the effects of a stroke... totally . He said the trick was getting a stroke recognized, diagnosed, and then getting the patient medically cared for within 3 hours, which is tough.
แพทย์ด้านประสาทวิทยากล่าววา ถ้าแพทย์สามารถไปถึงตัวผู้ป่วยเส้นเลือดสมองอุดตันได้ภายใน 3 ชั่วโมง แพทย์จะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้แน่นอน ที่สำคัญก็คือต้องทราบว่าผู้ป่วยมีอาการของโรคนี้ วินิจฉัยได้ได้ จากนั้นก็ให้การรักษาภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งเรื่องจริงนั้นเป็นไปได้ยากอยู่
RECOGNIZING A STROKE
ต้องรู้ก่อนว่ามันคือเส้นเลือดสมองอุดตัน
Thank God for the sense to remember the '3' steps, STR . Read and Learn!
ขอบคุณพระเจ้าที่หาวิธีจำง่ายๆมาให้ STR
Sometimes symptoms of a stroke are difficult to identify. Unfortunately, the lack of awareness spells disaster.
The stroke victim may suffer severe brain damage when people nearby fail to recognize the symptoms of a stroke.
บางครั้งอาการของโรคเส้นเลือดสมองอุดตันก็เป็นการยากที่จะรู้กันได้ แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือ การไม่รู้อาจหมายถึงหายนะได้ สมองผู้ป่วยอาจจะโดนทำลายอย่างรุนแรง แต่คนรอบข้างไม่ได้รู้เลยว่านี่คืออาการของเส้นเลือดสมองอุดตัน
Now doctors say a bystander can recognize a stroke by asking three simple questions:
หมอบอกว่า คนที่ยืนอยู่รอบข้างก็สามารถรู้อาการได้ โดยคำถาม 3 ข้อ ดัง นี้
S *Ask the individual to SMILE.
S คือบอกให้ผู้ป่วย ยิ้ม
T *Ask the person to TALK and SPEAK A SIMPLE SENTENCE (Coherently)
(i.e.. It is sunny out today.)
T คือบอกให้ผู้ป่วยพูด โดยอาจจะเป็นประโยคง่ายๆ เช่น วันนี้อากาศดีนะ
R *Ask him or her to RAISE BOTH ARMS.
R คือบอกให้ผู้ป่วยยกแขนทั้งสองข้างขึ้น
If he or she has trouble with ANY ONE of these tasks, call emergency number immediately and describe the symptoms to the dispatcher.
ถ้าผู้ป่วยมีความลำบากในการทำข้อใดข้อหนึง ให้โทร.หาเบอร์ฉุกเฉินทันทีและแจ้งไปว่าผู้ป่วยมีอาการอย่างไร
New Sign of a Stroke -------- Stick out Your Tongue
สัญญาณใหม่ของเส้นเลือดสมองอุดตัน -- แลบลิ้นออกมาดู
NOTE: Another 'sign' of a stroke is this: Ask the person to 'stick' out his tongue.. If the tongue is 'crooked', if it goes to one side or the other, t hat is also an indication of a stroke.
หมายเหตุ : สัญญาณอีกประการหนึ่งก็คือ ลองให้ผู้ป่วยแลบลิ้นออกมา หากลิ้นมีลักษณะม้วนงอ ตกไปด้านใดด้านหนึ่ง นั่นคือข้อบ่งชี้ว่ามีอาการเส้นเลือดสมองอุดตัน
A cardiologist says if everyone who gets this e-mail sends it to 10 people; you can bet that at least one life will be saved.
I have done my part. Will you?
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจบอกว่า หากคุณได้รับอีเมล์นี้ และส่งต่อไปอีก 10 คน อาจมีผลทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างน้อย 1 คน ก็ได้
วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ประธานคนใหม่ของบริษัทฯ
ประธานคนใหม่ของบริษัทฯ
เพิ่งมารับงานฟื้นฟูกิจการที่ตกต่ำของบริษัทฯ เป็นวันแรก
เขาเรียกประชุมพนักงานทันที แล้วประกาศนโยบายแรก
ซึ่งก็คือการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
ใครทำงานไม่เต็มที่จะต้องถูกพิจารณาอย่างเด็ดขาด
หลังการประชุม เขาออกเดินตรวจตราบริษัท พร้อมกับผู้อำนวยการอีก 6-7 คน
ความสนใจของเขาเพ่งเล็งอยู่ที่ไอ้หนุ่มคนหนึ่งซึ่งยืนพิงผนังดูคนอื่นทำงานอย่าง สบายใจ
เขาเดินตรงไปที่ไอ้หนุ่มทันทีแล้วถาม
" เงินเดือนคุณเดือนละเท่าไหร่ ?"
" เจ็ดพันครับ " ไอ้หนุ่มตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
ไม่เปลี่ยนแม้แต่ท่ายืนด้วยซ้ำ เขาควักเงินเจ็ดพันบาทยื่นให้ไอ้หนุ่มทันที แล้วตะโกนลั่น ...
" นี่เงินเดือนๆ สุดท้ายของคุณ แล้วเชิญคุณออกไปเลยไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก "
ไอ้หนุ่มคว้าเงินแล้วโกยแน่บทันที ในขณะที่เขาหันหลังกลับมาหา พนักงานบริษัทที่ตะลึงกันถ้วนหน้า
ประธานคนใหม่ ตะโกนเสียงเข้ม ถามว่า ...
" ใครตอบผมได้บ้าง ว่าไอ้หนุ่มนั่นทำงานหน่วยไหน ?"
ความเงียบปกคลุมทั่วสำนักงานเป็นเวลาหลายวินาที
ก่อนที่จะมีผู้กล้าพูดออกมา
" เขามาส่งพิซซาครับ !!!"
เพิ่งมารับงานฟื้นฟูกิจการที่ตกต่ำของบริษัทฯ เป็นวันแรก
เขาเรียกประชุมพนักงานทันที แล้วประกาศนโยบายแรก
ซึ่งก็คือการ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน
ใครทำงานไม่เต็มที่จะต้องถูกพิจารณาอย่างเด็ดขาด
หลังการประชุม เขาออกเดินตรวจตราบริษัท พร้อมกับผู้อำนวยการอีก 6-7 คน
ความสนใจของเขาเพ่งเล็งอยู่ที่ไอ้หนุ่มคนหนึ่งซึ่งยืนพิงผนังดูคนอื่นทำงานอย่าง สบายใจ
เขาเดินตรงไปที่ไอ้หนุ่มทันทีแล้วถาม
" เงินเดือนคุณเดือนละเท่าไหร่ ?"
" เจ็ดพันครับ " ไอ้หนุ่มตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
ไม่เปลี่ยนแม้แต่ท่ายืนด้วยซ้ำ เขาควักเงินเจ็ดพันบาทยื่นให้ไอ้หนุ่มทันที แล้วตะโกนลั่น ...
" นี่เงินเดือนๆ สุดท้ายของคุณ แล้วเชิญคุณออกไปเลยไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าอีก "
ไอ้หนุ่มคว้าเงินแล้วโกยแน่บทันที ในขณะที่เขาหันหลังกลับมาหา พนักงานบริษัทที่ตะลึงกันถ้วนหน้า
ประธานคนใหม่ ตะโกนเสียงเข้ม ถามว่า ...
" ใครตอบผมได้บ้าง ว่าไอ้หนุ่มนั่นทำงานหน่วยไหน ?"
ความเงียบปกคลุมทั่วสำนักงานเป็นเวลาหลายวินาที
ก่อนที่จะมีผู้กล้าพูดออกมา
" เขามาส่งพิซซาครับ !!!"
วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553
มหัศจรรย์แห่งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี

“มหัศจรรย์แห่งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี”
(บางส่วนจากหนังสือ“มหัศจรรย์แห่งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี” )เป็นการตอบคำถาม 20 ข้อ ที่น่าสนใจมาก
๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน?
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ
๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข
๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน
รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน
๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง
๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ
ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา
๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้
๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี?
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ
๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา
๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี?
(๑) หางานใหม่
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด
จ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่
๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย
๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคกระบือ
คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า
๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน
๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
1)จู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน
ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
2)ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ
มีลูกค้า
๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง
๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(๒) ได้ถามตัวเอ??ว่า เราเกิดมาจากใคร
๑๖. สวดมนต์บทไหนดี?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า
จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้
คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง
๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี?
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส
เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด
๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน
๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน
๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน
มองอย่างพินิจจะพบว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดี
ไม่อยากให้ข้อความดีๆแบบนี้อยู่แค่ในกล่องเมลล์ แล้ววันนึงเราก็จะลืมมันไปหวังว่ามันจะมีประโยชน์ต่อคนที่เข้ามาอ่านบ้างนะ
วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เหตุแห่งกรรม

1. กรรมที่ไม่มีลูก
กรรมจาก การทำร้ายลูกของสัตว์อื่น พรากสัตว์อื่นจากพ่อแม่หรือเคยข่มเหงลูกคนอื่น
ลดกรรม ด้วยการงดกินเนื้อสัตว์ทุกๆ 7 วัน ในทุกๆเดือนทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญบริจาคทานที่มูลนิธิสัตว์หรือ
มูลนิธิเด็กอ่อน
2. เจ็บป่วยบ่อย หรือเป็นโรคร้าย
กรรมจาก เคยทำทารุณกรรมต่อสัตว์
ลดกรรม ด้วยการทำบุญทำทานกับสัตว์อนาถา ให้อาหารให้ความเมตตา ซื้อยาหรือบริจาคเงินที่โรงพยาบาลสงฆ์ ทำบุญปล่อยเต่า
งดกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต
3. ตาบอดหรือเป็นโรคตา
กรรมจาก เคยทำร้ายสัตว์ที่ดวงตา หรือไม่เคยทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงในชาติก่อน หรือเคยทำลายไฟฟ้าของวัด ของที่สารธารณะ
ลดกรรม ซื้อโคมไฟ หลอดไฟถวายวัด ถวายเทียนห่อใหญ่ ถวายไฟฉาย เติมน้ำมันตะเกียงทุกวันพร! ะ บริจาคเงินในกล่อง
ซื้อน้ำมันเติมตะเกียงที่วัด
4. ถูกรถเฉี่ยวชน ถูกลูกหลง ถูกสัตว์กัดต่อย
กรรมจาก จากเคยเป็นคนพาลเกะกะเกเร หาเรื่องเดือดร้อนให้ผู้อื่น มักรังแกและสาปแช่งผู้อื่นอยู่เสมอ
ลดกรรม หมั่นพูดดี มีวาจาไพเราะ
5. สูญเสียคนใกล้ชิด
กรรมจาก เคยยิงนกตกปลา
ลดกรรม ทำบุญไถ่ชีวิตโค กระบือ งดกินเนื้อสัตว์อย่างน้อยสัก 1 อย่างชั่วชีวิต หรือกินเจทุกๆ 3 เดือน ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา
6.ถูกนินทา ถูกให้ร้าย
กรรมจาก เคยพูดจาให้เป็นเหตุให้คนอื่นเป็นทุกข์หรือเดือดร้อน
ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี พูดดี พูดให้คนอื่นเกิดประโยชน์ พูดให้ผู้อื่นมีความสุข
7. มักเดือดร้อนเพราะไฟ ไฟไหม้บ้าน ไฟดูด
กรรมจาก เคยลบหลู่พระสงฆ์ และศาสนา
ลดกรรม ตักบาตรทุกวันพระ ทำบุญถวายสังฆทานทุกเดือน ฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันพระ หรือทุกๆเดือนในวันพระ ร่วมพิมพ์หนังสือ
ธรรมะแจกจ่ายฟรี
8. ขาดบารมี ไร้ญาติขาดมิตร
กรรมจาก ไม่เคยไปร่วมงานบุญงานศพ
ลดกรรม ร่วมทำบุญงานศพ บริจาคเงิน หรือร่วมด้วยแรงกายช่วยงานอื่นๆในงานศพ เช่นทำอาหาร จัดดอกไม้
9. ตั้งหลักปักฐานไม่ได้ โยกย้ายบ่อย
กรรมจาก ไม่เคยร่วมทำบุญสร้างโบสถ์สร้างวิหาร แก่วัดวาอารามต่างๆ
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างหลังคาวิหาร ร่วมทำบุญฝังลูกนิมิต หมั่นไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ณ เมืองที่ตนอยู่อาศัย
10. มักถูกรังแก ถูกเบียดเบียน
กรรมจาก ไม่เคยบวช หรือทำบุญงานบวช
ลดกรรม บวช ด้วยจิตศรัทธาปวารถาอย่างบริสุทธิ์ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงจะบวช 7 วัน หรือ 15 วัน 1 เดือน 1 พรรษา แล้วแต่
จิตศรัทธา ถ้าเป็นสตรีจะบวชชีพราหมณ์ หรือถือศีล 8 ตามเวลาที่สะดวกและตั้งจิตศรัทธา หรือร่วมทำบุญงานบวชอย่าง
สม่ำเสมอเท่าที่จะทำได้
11.ไม่มีคนชื่นชมเอ็นดู ชาดเสน่ห์
กรรมจาก ไม่เคยถวายของหอม
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระทุกวันพระ ถวายธูปหอม เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย ทองคำเปลว ประน้ำอบน้ำปรุง ประพฤติดี
ปฏิบัติชอบต่อผู้อื่น คิดดี ทำดี พูดดี ให้ผู้อื่นได้ดี มิให้ร้ายผู้ใด
12. เป็นที่รังเกียจ มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
กรรมจาก ทำติเตียนดูแคลน ผู้ที่ชอบทำบุญทำทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทานอย่างสม่ำเสมอ ฟังเทศน์มหาชาติทุกๆปี ชักชวนผู้อื่นให้ร่วมทำบุญหรือบริจาคทานเป็นการบอกบุญผู้อื่น
พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจกฟรี
13. ไปไหนมาไหนลำบาก มีแต่อุปสรรค
กรรมจาก เคยทำลายหนทางสัญจรของวัด หรือของชาวบ้าน หรือทำให้ทางสัญจรสาธารณะได้รับความไม่สะดวก
ลดกรรม บริจาคทรัพย์หรือแรงกายช่วงสร้างสะพาน สร้างทางอันเป็นประโยชน์แก่วัด หรือชุมชนเล็กๆ ช่วยผู้คนยากไร้ให้
ได้มียวดยานพาหนะหรือทางสัญจรที่สะดวก
14. เป็นคนรับใช้เขาร่ำไป
กรรมจาก เคยเนรคุณผู้ที่เคยมีพระคุณแก่ตน
ลดกรรม ตอบแทนผู้มีคุณด้วยความกตัญญู ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูป พระประธาน ทำทานทั้งกับคนและสัตว์
15. ขัดสน อดมื้อกินมื้อ
กรรมจาก เคยละเว้นการใส่บาตร ละเว้นการให้ทาน เมื่อมีคนยากไร้มาขอทานอาหารและน้ำ
ลดกรรม แบ่งปันอาหาร น้ำ เสื้อผ้า แก่คนยากไร้อนา! ถา แม้ไม่มีเงินก็แบ่งปันสิ่งของตามที่มี ตักบาตรทุกเช้าหรือทุกวันพระ
16. อาภัพคู่ ร้างคู่
กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขา
ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพงานแต่งงานคู่บ่าวสาวที่ยากจน ถวายของเป็นคู่ เช่น แจกันคู่
เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ เป็นต้น
17. ได้คู่ที่เลวร้าย ทำร้ายตนหรือทำให้เป็นทุกข์
กรรมจาก เคยข่มขืนเขาในชาติก่อน เคยทุบตีทำร้ายคู่
ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา
18. อยู่โดดเดี่ยวยามบั้นปลาย
กรรมจาก เคยจับสัตว์ขัง
ลดกรรม ทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญทำทานแก่เด็กอนาถาและสัตว์อนาถา
19. รูปร่างหน้าไม่งดงาม
กรรมจาก ไม่เคยถวายดอกไม้ของหอม
ลดกรรม ถวายพวงมาลัยดอกไม้สด ดอกไม้หอม ทำบุญบริจาคดวงตา บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล
20. มักถูกโกง ถูกเบี้ยวเงิน
กรรมจาก เคยคดโกงผู้อื่น!
ลดกรรม สละทรัพย์บริจาคร่วมการกุศลต่างๆ ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรทุกๆเดือน
21. พิการ ร่างกายไม่สมประกอบ
กรรมจาก เคยทุบตีพ่อแม่ ด่าพ่อแม่ หรือทำร้ายพ่อแม่
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระ ปล่อยนกปล่อยปลา ถือศีล 5 ศีล 8 เจริญภาวนา นั่งวิปัสสนากรรมฐาน
22. มีคดีความ
กรรมจาก เคยพบคนทุกข์ร้อนแล้วไม่ช่วยหรือพยายามหาทางช่วยเหลือ
ลดกรรม หมั่นทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือนๆละ 7 วัน
23. ไร้ที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
กรรมจาก ไม่สงเคราะห์คนอนาถา ที่มาขออาหาร ขอชายคาหลบฝน ไม่มีน้ำใจช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก
ลดกรรม ร่วมทำบุญซื้อกระเบี้องหลังคาโบสถ์ หมั่นไปกราบไหว้บู! ชาศาลหลักเมือง ทำบุญทำทานแก่สัตว์พิการหรือสัตว์จรจัด
24. จิตใจขุ่นมัว ดุดัน ขี้โมโห
กรรมจาก มักตะหนี่ในการทำบุญ
ลดกรรม สวดมนต ์ไหว้พระ ทุกวันพระ ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 5 หรือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือน บริจาคทาน แบ่งปันเงินทองหรือ สิ่งของแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก หรือร่วมทำบุญบริจาคทานกับมูลนิธิสถานสงเคราะห์ และวัดวาอารามต่างๆ
25. ไม่มีชื่อเสียง
กรรมจาก เคยติฉินนินทาทำให้ผู้อื่นเสียหาย
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างหอระฆัง ร่วมทำบุญหล่อเทียนพรรษา ทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา
26. ไม่มีวาสนาบารมี
กรรมจาก ไม่เคยนับถือชื่นชมผู้นับถือธรรมมะ
ลดกรรม ทำบุญสร้างพระพุทธรูป ทำทานกับคน
27. มีลูกหลานไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง
กรรมจาก ทำแท้ง เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
ลดกรรม บวชเณร โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง
28. เจอแต่คนเอาเปรียบ
กรรมจาก เคยเบียดเบียนเงินพ่อแม่ไว้ในอดีตชาติ เคยโกงคนไว้ในอดีตชาติ ขโมยเงินครอบครัวมาใช้
ลดกรรม หมั่นยึดถือศีล 5 ให้มั่น ไม่ดื่มเหล้า ทำให้ขาดสติ โดนโกงง่าย หมั่นสวดมนต์ อธิษฐานบารมีด้านขอพรให้พบเจอคนดีๆเข้ามาในชีวิต
29. เกิดในสกุลต้อยต่ำ
กรรมจาก โอหัง อวดดี จิตใจคับแคบ
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างวัด สร้างพระประธาน ทำบุญทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี
30. ไร้สง่าราศี ขาดวาสนา
กรรมจาก เคยเมาสุระอาละวาด ระรานผู้อื่น!
ลดกรรม นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ทำทานกับคนอนาถา และสัตว์อนาถา ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี
31. ไม่เจริญก้าวหน้า จิตใจเป็นทุกข์
กรรมจาก เคยชักจูงคนทำชั่ว
ลดกรรม ถือศีล 8 เป็นเวลา 7 วัน ทุกๆ 3 เดือน หมั่นทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน
32. จิตใจฟุ้งซ่าน เป็นทุกข์
กรรมจาก เคยริษยาผู้อื่น
ลดกรรม ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ปล่อยปลาลงน้ำ นั่งสมาธิ สวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร
33. ชีวิตตกต่ำ ทำสิ่งใดไม่เจริญ
กรรมจาก เคยทำแท้ง
ลดกรรม ปล่อยปลาลงน้ำทุกๆเดือน จนครบ 9 เดือน หรือ 1 ปีเต็ม ถวายสังฆทาน ทำบุญใส่บาตรเสมอ
34. เป็นเมียน้อย เมียเก็บ
กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขามาก่อน ขืนใจเขาโดยไม่ยินยอม เคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาว่ากี่ภพก็ขอให้ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
ลดกรรม ถวายธงคู่ ธูปคู่ เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ อย่างใดก็ได้ อธิษฐานจิตขอให้ชีวิตคู่ที่ดีขึ้น บวชชีพราหมณ์ ปีละ 1 ครั้ง 3 วัน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยล่วงเกินให้ได้รับกุศลและเปิดทางให้ชีวิตคู่ดีขึ้น ร่วมเป็นเจ้าภาพงานแต่ง เพื่อชีวิตตนจะดีขึ้นและสมหวัง สวดมนต์ขอพรทุกวันเกิดด้านความรักให้สมหวังต่อไป ทำบุญสังฆทานสด ในวันเกิดตนเอง เดือนละครั้ง เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติและวิญญาณที่ตามมาให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรม
35. เป็นทุกข์เพราะคนในครอบครัว
กรรมจาก เคยลำเอียง ไร้คุณธรรมในด้านครอบครัวไว้ก่อน เคยเอารัดเอาเปรียบคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดไว้ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน เคยทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกในอดีตชาติ
ลดกรรม ต้องบวชชีพราหมณ์ เพราะเมื่อเกิดอีกภพชีวิตจะได้ดีมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะกุศลของการบวช ปฏิบัติธรรมทำให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม และตนเองได้พบสิ่งที่มีกุศลมากขึ้น ยึดพรหมวิหาร 4 มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะทำให้ชีวิตมีความเมตตา และไม่ลำเอียงเอารัดเอาเปรียบคนใกล้ชิด ทำให้วิถีชีวิตมีคนนับถือและพ้นจากความทุกข์ในเรื่องญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยวได้ นำพระคู่บ้านคู่เมืองเข้าสักการะที่บ้าน และสวดมนต์ขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
36. เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
กรรมจาก ฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
ลดกรรม ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติ รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ปล่อยสัตว์ลงน้ำในวันเกิดตนเอง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม ถวายยาเข้าวัด
หรือช่วยเหลือคนป่วย
37. เป็นมะเร็ง
กรรมจาก รู้เห็นเป็นใจกับการทำแท้ง การทารุณสัตว์ หรือการทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น
ลดกรรม ทำบุญใหญ่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน เพื่อส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม
ทำบุญสร้างพระพุทธรูป สร้างโบสถ์หรือสร้างศาลาวัด ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี หมั่นนั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน
38. ค้าขายขาดทุน ทำงานไม่ก้าวหน้า
กรรมจาก เคยลบหลู่เจ้าที่เจ้าทาง
ลดกรรม หมั่นทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ถวายเครื่องเซ่นสังเวย เจ้าที่-เจ้าทาง หมั่นสวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร
39. ด้อยปัญญา
กรรมจาก ฝักใฝ่อบายมุขในชาติก่อน หรือชักชวนคนไปทำชั่ว ดูแคลนหลักธรรมมะ
ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจก ทำบุญทำทานกับโรงเรียนของเด็กพิการหรือตามมูลนิธิต่างๆ
40. ตกงาน
กรรมจาก เคยกลั่นแกล้งผู้อื่นในเรื่องงาน หรือแย่งงานผู้อื่น
ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทาน ร่วมงานบุญต่างๆ ปล่อยนกปล่อยปลา
41. ไม่มีโชคลาภ
กรรมจาก ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ
ลดกรรม หมั่นทำบุญสวดมนต์ไหว้พระ ถวายธูป เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย และทองคำเปลว
42. เรียนไม่จบ การเรียนมีอุปสรรค
กรรมจาก ชาติก่อนปฏิเสธการฟังเทศน์ฟังธรรม
ลดกรรม หมั่นเข้าวัด ร่วมงานบุญต่างๆ ฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะ
43. มีอาชีพต้อยต่ำที่ผู้คนดูแคลน
กรรมจาก ชาติก่อนเคยบวชด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไร้ความศรัทธา อาศัยผ้าเหลืองหากิน
ลดกรรม ถือศีล 5 ศีล 8 นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ถวายสังฆทานทุกเดือน หรือทุก 3 เดือน
44. ครอบครัวยากจน
กรรมจาก ชาติก่อนไม่เคยบริจาคทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญด้วยการบริจาคทาน ถ้ามีเงินไม่มากก็บริจาคเป็นสิ่งของ แรงกาย หรือน้ำใจ ต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก เช่น ไปช่วยอ่านหนังสือให้มูลนิธิคนตาบอด
45. เป็นทุกข์เพราะความรัก
กรรมจาก ชาติก่อนเจ้าชู้ หลอกผู้อื่นให้อกหัก
ลดกรรม ประพฤติดีปฏิบัติดีทั้งความคิด กาย วาจา ใจ ร่วมทำบุญงานแต่งงาน ทำสิ่งดีๆให้คนอื่นได้สมรักสม
อ่านให้จบเพราะ จุดเด่นอยู่ที่ข้อ 19 ค่ะ
กฏแห่งกรรม
1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย
เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์
2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ
เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน
3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่
เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน
4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนใหญ่โต
เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน
5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก
เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน
6. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย และรูปงาม
เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน
7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี
เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน
8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆ คนและมีเพื่อนมากมาย
เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน
9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า
เพราะคุณเคารพและให้ความช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้ญาติในชาติก่อน
10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า
เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลา และพรากสัตว์ในชาติก่อน
11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง
เพราะคุณเคยปล่อยนก ปล่อยปลา สิ่งมีชีวิตในชาติก่อน
12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น
เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมาย
13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้
เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน
14. เหตุใดชาตินี้คุณมีด??งตาสดใส
เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ
15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปัญญาอ่อนและหูหนวก
เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่
16. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ
เพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ
17. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย
เพราะชาติก่อนคุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์
18. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา
ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณ และจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด
19. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม
คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า
วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เลือก CEO คนใหม่ อิอิอิ!!!
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งเริ่มแก่ตัวลง และต้องการหาคนมาสืบทอดธุรกิจ แทนที่เขาจะเลือกผู้อำนวยการ หรือ ลูกของเขา แต่เขาตัดสินใจที่จะทำบางอย่างที่แตกต่างออกไป
เขาเรียกนักบริหารหนุ่มๆในบริษัทของเขามารวมกัน และพูดว่า "ถึงเวลาที่ฉันจะวางมือและเลือกคนที่จะเป็น CEO คนใหม่แล้วล่ะ" "และฉันก็จะตัดสินใจเลือกคนหนึ่งในพวกคุณนี่แหละ" พวกหนุ่มต่างรู้สึกช็อค เขาพูดต่ออีกว่า "วันนี้ผมจะให้เมล็ดพืชแก่พวกคุณคนละเมล็ด เป็นเมล็ดพิเศษ คุณต้องดูแลและรดน้ำ นับจากวันนี้ไปอีก 1 ปี และผมจะตัดสินจากต้นไม้ที่เจริญเติบโตขึ้น ที่พวกคุณนำมาให้ผม คนที่ผมเลือก จะได้เป็น CEO คนต่อไป"
นักบริหารหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ จิม เขาเป็นหนึ่งในหนุ่มๆที่ได้รับการคัดเลือกในวันนั้น เขาได้รับเมล็ด มา 1 เมล็ด และนำกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น เขาบอกภรรยา และช่วยกันเตรียมกระถาง ดิน และปุ๋ย เพื่อเตรียมปลูกต้นไม้ พวกเขาดูแลรดน้ำอย่างดี
ผ่านไปสามสัปดาห์ พวกนักธุรกิจหนุ่มคนอื่นได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเมล็ดพืชที่เขาได้รับและเริ่มเจริญเติบโต แต่จิมก็เฝ้าดูทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีต้นอะไรงอกออกมา .. 3 สัปดาห์ผ่านไป .. 4 สัปดาห์ ผ่านไป.. 5 สัปดาห์ ผ่านไป ก็ยังไม่เห็นอะไรในกระถาง
ตอนนี้หนุ่มๆได้พูดถึงต้นไม้กันอีกแล้ว แต่จิมไม่มีอะไรจะพูด เพราะเขาไม่เห็นต้นไม้ของเขา เขาเริ่มรู้สึกว่าล้มเหลว ผ่านไป 6 เดือน ก็ยังไม่มีอะไรงอกขึ้นมา เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาได้ทำลายเมล็ดนั้นไปซะแล้ว
ทุกๆคนมีต้นไม้ที่เติบโตขึ้น ยกเว้นจิมที่ไม่มี แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงาน เขาก็ยังคงเฝ้าดูแลรดน้ำต่อไป
ผ่านไปครบ 1 ปี ทุกคนก็ได้นำต้นไม้ไปให้ CEOได้ตัดสิน... จิมพูดกับภรรยาว่า "ผมจะไม่เอากระถางเปล่าๆใบนี้ไปแน่" ภรรยาบอกเขาว่าให้พูดความจริงออกไปว่ามันเป็นยังไง จิมรู้สึกว่าท้องปั่นป่วนไปหมด เป็นวินาทีที่เขารู้สึกอับอายที่สุดในชีวิต แต่เขาก็คิดว่าภรรยาของเขาพูดถูก ดังนั้นเขาจึงถือกระถางเปล่าๆ เข้าไปในห้องที่ได้นัดหมายกันไว้
เมื่อจิมมาถึง เขาแปลกใจมากว่า ทำไมต้นไม้ของคนอื่นถึงสวยและแข็งแรงกันหมดทุกคน เมื่อพวกเขาเห็นกระถางของจิม ส่วนใหญ่ก็จะหัวเราะเยาะ มี 2-3 คนเท่านั้นที่แสดงความเห็นใจ
เมื่อท่านประธานเข้ามาถึง เขาได้ทักทายทุกๆคน จิมได้แต่แอบหลบอยู่ข้างหลังห้อง "โอ ทำไมต้นไม้ของพวกคุณถึงได้สวยกันเหลือเกิน เอาละ หนึ่งในพวกคนจะได้เลื่อนเป็น CEO กันวันนี้แหละ"
พอท่านประธานเห็นกระถางของจิม ที่อยู่ข้างหลังห้อง เขาก็บอกให้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินเรียกจิมขึ้นมาข้างหน้า จิมรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดว่าท่านประธานคงคิดว่าเขาล้มเหลว และเขาอาจจะถูกไล่ออก
เมื่อจิมเดินมาหน้าห้อง ท่านประธานก็ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ของคุณ" จิมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แล้วท่านประธานก็บอกให้ทุกคนนั่งลง ยกเว้นจิม
ท่านมองมาที่จิมและก็ประกาศว่า "CEO คนต่อไปก็คือ....... จิม"
จิมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะต้นไม้ของเขาก็ไม่มี เขาจะได้เป็น CEO ได้อย่างไร และแล้วท่านประธานก็พูดว่า "เมื่อปีที่แล้ว ผมได้ให้เมล็ดพืชกับพวกคุณทุกคน ให้พวกคุณดูแลรดน้ำมันทุกๆวัน แต่มันเป็นเมล็ดที่ต้มแล้ว ดังนั้น มันจะงอกเป็นต้นไม้ได้อย่างไร พวกคุณทุกคนยกเว้นจิม นำต้นไม้ที่สวยงามมาให้ผม นี่ก็แสดงว่าเมื่อพวกคุณพบว่าเมล็ดมันไม่งอก พวกคุณก็เอาเมล็ดอื่นปลูกแทนน่ะสิ จิมเป็นคนเดียวที่กล้ายอมรับความจริง และนำกระถางเปล่าพร้อมกับเมล็ดที่ผมให้มาให้ผม" " ดังนั้น ผมจึงแต่งตั้ง จิม ให้เป็น CEO คนต่อไป"
คติธรรม ที่ได้ ...
เมื่อคุณปลูกความซื่อสัตย์ คุณก็จะได้รับความไว้วางใจ
เมื่อคุณปลูกความดี คุณก็จะได้รับมิตรภาพ
เมื่อคุณปลูกความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณก็จะได้รับความยิ่งใหญ่
เมื่อคุณปลูกความพากเพียร คุณก็จะได้รับความสำเร็จ
เมื่อคุณปลูกความพิจารณา คุณก็จะได้รับความละเอียดลออ
เมื่อคุณปลูกความทำงานหนัก คุณก็จะได้รับความสำเร็จ
เมื่อคุณปลูกการให้อภัย คุณก็จะได้รับการคืนดี
ดังนั้น ... ตรองดูสักนิดว่าคุณจะปลูกอะไร คุณก็สามารถกำหนดสิ่งที่คุณจะได้รับได้.
--
สว่างตา ด้วยแสงไฟ สว่างใจ ด้วยแสงธรรม
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
สรณะอื่น ไม่มี ชีวิตนี้เพื่อพระรัตนตรัย
ธรรมะสวัสดี กรุ๊ป
http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee?hl=th
--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
เขาเรียกนักบริหารหนุ่มๆในบริษัทของเขามารวมกัน และพูดว่า "ถึงเวลาที่ฉันจะวางมือและเลือกคนที่จะเป็น CEO คนใหม่แล้วล่ะ" "และฉันก็จะตัดสินใจเลือกคนหนึ่งในพวกคุณนี่แหละ" พวกหนุ่มต่างรู้สึกช็อค เขาพูดต่ออีกว่า "วันนี้ผมจะให้เมล็ดพืชแก่พวกคุณคนละเมล็ด เป็นเมล็ดพิเศษ คุณต้องดูแลและรดน้ำ นับจากวันนี้ไปอีก 1 ปี และผมจะตัดสินจากต้นไม้ที่เจริญเติบโตขึ้น ที่พวกคุณนำมาให้ผม คนที่ผมเลือก จะได้เป็น CEO คนต่อไป"
นักบริหารหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ จิม เขาเป็นหนึ่งในหนุ่มๆที่ได้รับการคัดเลือกในวันนั้น เขาได้รับเมล็ด มา 1 เมล็ด และนำกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น เขาบอกภรรยา และช่วยกันเตรียมกระถาง ดิน และปุ๋ย เพื่อเตรียมปลูกต้นไม้ พวกเขาดูแลรดน้ำอย่างดี
ผ่านไปสามสัปดาห์ พวกนักธุรกิจหนุ่มคนอื่นได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเมล็ดพืชที่เขาได้รับและเริ่มเจริญเติบโต แต่จิมก็เฝ้าดูทุกวัน แต่ก็ยังไม่มีต้นอะไรงอกออกมา .. 3 สัปดาห์ผ่านไป .. 4 สัปดาห์ ผ่านไป.. 5 สัปดาห์ ผ่านไป ก็ยังไม่เห็นอะไรในกระถาง
ตอนนี้หนุ่มๆได้พูดถึงต้นไม้กันอีกแล้ว แต่จิมไม่มีอะไรจะพูด เพราะเขาไม่เห็นต้นไม้ของเขา เขาเริ่มรู้สึกว่าล้มเหลว ผ่านไป 6 เดือน ก็ยังไม่มีอะไรงอกขึ้นมา เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาได้ทำลายเมล็ดนั้นไปซะแล้ว
ทุกๆคนมีต้นไม้ที่เติบโตขึ้น ยกเว้นจิมที่ไม่มี แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงาน เขาก็ยังคงเฝ้าดูแลรดน้ำต่อไป
ผ่านไปครบ 1 ปี ทุกคนก็ได้นำต้นไม้ไปให้ CEOได้ตัดสิน... จิมพูดกับภรรยาว่า "ผมจะไม่เอากระถางเปล่าๆใบนี้ไปแน่" ภรรยาบอกเขาว่าให้พูดความจริงออกไปว่ามันเป็นยังไง จิมรู้สึกว่าท้องปั่นป่วนไปหมด เป็นวินาทีที่เขารู้สึกอับอายที่สุดในชีวิต แต่เขาก็คิดว่าภรรยาของเขาพูดถูก ดังนั้นเขาจึงถือกระถางเปล่าๆ เข้าไปในห้องที่ได้นัดหมายกันไว้
เมื่อจิมมาถึง เขาแปลกใจมากว่า ทำไมต้นไม้ของคนอื่นถึงสวยและแข็งแรงกันหมดทุกคน เมื่อพวกเขาเห็นกระถางของจิม ส่วนใหญ่ก็จะหัวเราะเยาะ มี 2-3 คนเท่านั้นที่แสดงความเห็นใจ
เมื่อท่านประธานเข้ามาถึง เขาได้ทักทายทุกๆคน จิมได้แต่แอบหลบอยู่ข้างหลังห้อง "โอ ทำไมต้นไม้ของพวกคุณถึงได้สวยกันเหลือเกิน เอาละ หนึ่งในพวกคนจะได้เลื่อนเป็น CEO กันวันนี้แหละ"
พอท่านประธานเห็นกระถางของจิม ที่อยู่ข้างหลังห้อง เขาก็บอกให้ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินเรียกจิมขึ้นมาข้างหน้า จิมรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างบอกไม่ถูก เขาคิดว่าท่านประธานคงคิดว่าเขาล้มเหลว และเขาอาจจะถูกไล่ออก
เมื่อจิมเดินมาหน้าห้อง ท่านประธานก็ถามว่า "เกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ของคุณ" จิมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แล้วท่านประธานก็บอกให้ทุกคนนั่งลง ยกเว้นจิม
ท่านมองมาที่จิมและก็ประกาศว่า "CEO คนต่อไปก็คือ....... จิม"
จิมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะต้นไม้ของเขาก็ไม่มี เขาจะได้เป็น CEO ได้อย่างไร และแล้วท่านประธานก็พูดว่า "เมื่อปีที่แล้ว ผมได้ให้เมล็ดพืชกับพวกคุณทุกคน ให้พวกคุณดูแลรดน้ำมันทุกๆวัน แต่มันเป็นเมล็ดที่ต้มแล้ว ดังนั้น มันจะงอกเป็นต้นไม้ได้อย่างไร พวกคุณทุกคนยกเว้นจิม นำต้นไม้ที่สวยงามมาให้ผม นี่ก็แสดงว่าเมื่อพวกคุณพบว่าเมล็ดมันไม่งอก พวกคุณก็เอาเมล็ดอื่นปลูกแทนน่ะสิ จิมเป็นคนเดียวที่กล้ายอมรับความจริง และนำกระถางเปล่าพร้อมกับเมล็ดที่ผมให้มาให้ผม" " ดังนั้น ผมจึงแต่งตั้ง จิม ให้เป็น CEO คนต่อไป"
คติธรรม ที่ได้ ...
เมื่อคุณปลูกความซื่อสัตย์ คุณก็จะได้รับความไว้วางใจ
เมื่อคุณปลูกความดี คุณก็จะได้รับมิตรภาพ
เมื่อคุณปลูกความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณก็จะได้รับความยิ่งใหญ่
เมื่อคุณปลูกความพากเพียร คุณก็จะได้รับความสำเร็จ
เมื่อคุณปลูกความพิจารณา คุณก็จะได้รับความละเอียดลออ
เมื่อคุณปลูกความทำงานหนัก คุณก็จะได้รับความสำเร็จ
เมื่อคุณปลูกการให้อภัย คุณก็จะได้รับการคืนดี
ดังนั้น ... ตรองดูสักนิดว่าคุณจะปลูกอะไร คุณก็สามารถกำหนดสิ่งที่คุณจะได้รับได้.
--
สว่างตา ด้วยแสงไฟ สว่างใจ ด้วยแสงธรรม
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
สรณะอื่น ไม่มี ชีวิตนี้เพื่อพระรัตนตรัย
ธรรมะสวัสดี กรุ๊ป
http://groups.google.com/group/DhammaSawasdee?hl=th
--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
ผืเดอะมอล งามวงศ์วาน
เป็นที่ลือกันทั่วไป ในหมู่ของคนขับรถแท็กซี่ว่า
บริเวณป้ายรถเมล์หน้าห้าง
สรรพสินค้าเดอะมอลล์ (งามวงศ์วาน) ตอนกลางดึก (หลังห้างปิด) แล้วเนี่ย ผีดุเป็นบ้า
ลือกันเป็นตุเป็นตะว่า
เคยมีแท็กซี่หลายคันถูกผู้หญิงผมยาวเรียกจากหน้า
ห้างฯ ให้ไปส่งที่วัดสมรโกฏิ (ถ.รัตนาธิเบศร์)
พอคนขับแท็กซี่ขับไปถึงหน้า
วัด ปรากฏว่าผู้โดยสารผู้หญิงผมยาวคนนั้นก็หายตัวไป
เป็นที่เลื่องลือกันว่า ผีที่หน้าห้างเดอะมอลล์งามวงศ์วานนี้
คือหญิงสาวที่
เคยใช้ที่จอดรถของห้างฯ เป็นที่ฆ่าตัวตาย จนปัจจุบันนี้ห้างฯ ได้ทำลวด
ตาข่ายมาอ๊อกปิดไว้หมดทุกด้าน
เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมาใช้เป็นสุสานอีก
แต่ก็ยังไม่วายมีข่าวมาเรื่อย ๆ ว่ามีคนกระโดดตึกตายที่นี่เป็นประจำ
เรื่องข่าว ลือนี้นายกล้าโชเฟอร์แท็กซี่ (มือใหม่) ที่เพิ่งมาหางานทำใน
กรุงเทพฯ ก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ความที่แกเป็นคนกล้าสมชื่อ แกจึงไม่เชื่อ
แล้วแกยังคงวนเวียนรับ -
ส่งผู้โดยสารแถวงามวงศ์วานและใกล้เคียงเป็นประจำ
เพราะรายได้ดีเนื่องจากแถวนี้ตอนดึก ๆ ไม่ค่อยมีแท็กซี่กล้าขับผ่านมา
เรื่องของเรื่องคือ มีอยู่วันหนึ่ง ดึกมากแล้ว
นายกล้าขับรถผ่านหน้าห้างเดอะมอลล์ฯ ก็ปรากฏว่ามีผู้หญิงสาวสวยไว้ผมยาวสยาย
ยืนโบกรถอยู่หน้าห้างฯ
ฉับพลันที่เห็น นายกล้าก็นึกไปถึงเรื่องที่เพื่อน ๆ ชาวแท็กซี่โจษขานถึง
เรื่องผีดุกันขึ้นมาทันที แต่ความที่แกเป็นคนกล้า ประกอบกับผู้หญิงคนนั้นก็
ดูว่าเป็นคนชัด แกจึงจอดรถเข้าไปรับ
พอหญิงสาวเปิดประตูรถ กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกก็ปะทะจมูกของนายกล้าทันที
' โชเฟอร์ ไปแถววัดธาตุทองนะ จะไปมั้ย ' หญิงสาวถาม
' ไปครับผม ' นายกล้าตอบ ในใจคิดว่า
ไม่ใช่วัดสมรโกฏิแบบที่ลือกันนี่หว่า
หญิงสาวก้าวขึ้นนั่งที่เบาะหลังพร้อมกับบอกนายกล้าว่า
' ไปทางด่วนนะ '
นายกล้ากดมิเตอร์แล้วออกรถขับตรงไปขึ้นทางด่วนงามวงศ์วาน
กลางดึกเช่นนั้น
ทางด่วนเงียบสนิท นาน ๆ ถึงจะมีรถขับมาสักคัน
กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวยังเตะจมูกอยู่ บรรยากาศเงียบเชียบชวนอึดอัด ถึง
นายกล้าจะกล้าเพียงไรก็ตาม แต่แกก็อดชำเลืองมองกระจกส่องหลังไม่ได้
เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
แกก็เลยชวนคุยเพื่อทำลายบรรยากาศอันอึดอัดนี้
' รอรถนานมั้ยครับ ' นายกล้าถามหญิงสาว
' นานสิ แท็กซี่หายไปไหนหมดไม่รู้ ' หญิงสาวพูดเรื่อย ๆ
' ก็มีข่าวลือเรื่อง...เอ้อ....เรื่องผีแถวนี้ดุสิครับ เลยไม่ค่อยมีแท็กซี่คันไหนกล้าวิ่งแถวนี้ '
นายกล้าตัดสินใจพูดหยั่งเชิงเพื่อดูท่าทีหญิงสาว หญิงสาวหันขวับมามองนายกล้าทันที
' มิน่าล่ะ เมื่อกี้ฉันเรียกตั้งหลายคันไม่มีใครจอดเลย แล้วนายไม่กลัวเหรอ' หญิงสาวถาม
นายกล้ากลืนน้ำลาย ' เอ้อ...ไม่กลัวครับ '
' ก็ดี ' หญิงสาวพูดพร้อมกับหันไปมองที่หน้าต่าง
นายกล้าขับรถต่อไปเรื่อย ๆ บรรยากาศกลับเงียบสงัดอีกครั้ง
เงียบจนนายกล้า
ได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองเพียงคนเดียว
นายกล้าแหงนขึ้นไปมองกระจกส่องหลังเมื่อนึกขึ้นได้
ทันใดนั้น หัวใจของแกแทบ จะหยุดเต้น เมื่อเห็นภาพในกระจก เบาะหลังว่างเปล่า
ไม่มีแม้แต่เงาของผู้หญิงผมยาวที่นั่งคุยมาด้วยกัน เมื่อกี้นี้เลย
' ชิบหายแล้วกรู เนี่ยเขาว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ โดนดีเข้าแล้วมั้ยล่ะ '
นายกล้าคิดขณะที่กลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ ของผู้หญิงสาวยังคงคลุ้งอยู่ในรถ
มือที่กำพวงมาลัยสั่นสะท้าน เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่แอร์ ในรถเย็นเฉียบ ขาของ
นายกล้าที่เหยียบคันเร่งชาจนแทบจะไม่รู้สึกแล้ว บทสวดมนต์กี่บท ๆ ที่นึกได้
นายกล้าท่องจนหมด กลิ่นน้ำหอมก็ไม่หายไปไหน ยังลอยอบอวลคลุ้งอยู่ในรถ
แถมบางครั้งยังแรงขึ้นด้วยซ้ำไป
มนต์บทแล้วบทเล่าที่นายกล้าท่อง ไม่ได้ทำให้กลิ่นน้ำหอมจางลงเลย
นายกล้า
แหงนขึ้นมองกระจกอีกครั้ง เบาะหลังก็ยังว่างเปล่าอยู่
มีแต่กลิ่นน้ำหอมเท่า
นั้นที่บอกให้รู้ว่า ' เธอ ' ยังไม่ไปไหน
นายกล้าเหยียบคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต ในใจก็อาราธนาพระดัง ๆ
ทั่วเมืองไทย
ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเขา ใจอยากบึ่งไปให้ถึงวัดธาตุทองเร็ว ๆ
เผื่อว่ากลิ่น
น้ำหอมจะหายไปเพราะ ' เธอ ' คงต้องการไปลงที่นั่นจริง ๆ
' โอ๊ย มาไกลเหลือเกินนะแม่คุณ ' นายกล้าคิดในใจ
ขณะที่ยังคงเหยียบคันเร่งมิด
นายกล้ามารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถมาติดไฟแดงตรงเชิงทางด่วน
นายกล้าสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ 3 ครั้ง ก่อนกลั้นใจแหงนหน้าขึ้นไป
มองกระจกส่องหลัง และแล้วนายกล้าก็แทบจะหัวใจหยุดเต้นอีกครั้ง
มือเท้าเย็นวาบ แทบจะหมดแรง ขนลุกซู่ทั้งตัว เหมือนใครเอาน้ำแข็งมาโปะต้นคอ
ภาพที่ทำให้นายกล้าแทบช็อกก็คือ
หญิงสาวคนเดิมมาปรากฏตัวที่เบาะหลังอีกครั้ง
แต่คราวนี้หน้าตาเธอเปลี่ยนไป
ใบหน้าของเธ อมีเลือดไหลออกทางจมูก และปาก
นายกล้าตัดสินใจรวบรวมความกล้าอีกครั้ง
' เป็นไงเป็นกันวะ ไหน ๆ ก็ไหนๆ แล้ว จะถามให้รู้เรื่องกันไปว่า
' เธอ ' ต้องการอะไรกันแน่ '
พอคิดได้ดังนั้นนายกล้าก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับ ' เธอ ' ผู้นั้น
ก่อนที่จะถามเป็นคำถามแรกว่า
' คุณเป็นอะไรตาย ? '
' ตายพ่อตายแม่มรึงสิ ' เสียงหญิงสาวคนนั้นตอบดังลั่นรถ
' ไอ้ห่า ! กรูก้มลงไปแต่งหน้าหน่อยเดียว มรึงทั้งเบรค
ทั้งเหยียบซะหน้า
ตากรูแหกหมด แล้วยังเสือกมาถามอีกว่าเป็นอะไรตาย '
ขำ ขำ แก้เครียดจ้า.................... ^_^
บริเวณป้ายรถเมล์หน้าห้าง
สรรพสินค้าเดอะมอลล์ (งามวงศ์วาน) ตอนกลางดึก (หลังห้างปิด) แล้วเนี่ย ผีดุเป็นบ้า
ลือกันเป็นตุเป็นตะว่า
เคยมีแท็กซี่หลายคันถูกผู้หญิงผมยาวเรียกจากหน้า
ห้างฯ ให้ไปส่งที่วัดสมรโกฏิ (ถ.รัตนาธิเบศร์)
พอคนขับแท็กซี่ขับไปถึงหน้า
วัด ปรากฏว่าผู้โดยสารผู้หญิงผมยาวคนนั้นก็หายตัวไป
เป็นที่เลื่องลือกันว่า ผีที่หน้าห้างเดอะมอลล์งามวงศ์วานนี้
คือหญิงสาวที่
เคยใช้ที่จอดรถของห้างฯ เป็นที่ฆ่าตัวตาย จนปัจจุบันนี้ห้างฯ ได้ทำลวด
ตาข่ายมาอ๊อกปิดไว้หมดทุกด้าน
เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมาใช้เป็นสุสานอีก
แต่ก็ยังไม่วายมีข่าวมาเรื่อย ๆ ว่ามีคนกระโดดตึกตายที่นี่เป็นประจำ
เรื่องข่าว ลือนี้นายกล้าโชเฟอร์แท็กซี่ (มือใหม่) ที่เพิ่งมาหางานทำใน
กรุงเทพฯ ก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ความที่แกเป็นคนกล้าสมชื่อ แกจึงไม่เชื่อ
แล้วแกยังคงวนเวียนรับ -
ส่งผู้โดยสารแถวงามวงศ์วานและใกล้เคียงเป็นประจำ
เพราะรายได้ดีเนื่องจากแถวนี้ตอนดึก ๆ ไม่ค่อยมีแท็กซี่กล้าขับผ่านมา
เรื่องของเรื่องคือ มีอยู่วันหนึ่ง ดึกมากแล้ว
นายกล้าขับรถผ่านหน้าห้างเดอะมอลล์ฯ ก็ปรากฏว่ามีผู้หญิงสาวสวยไว้ผมยาวสยาย
ยืนโบกรถอยู่หน้าห้างฯ
ฉับพลันที่เห็น นายกล้าก็นึกไปถึงเรื่องที่เพื่อน ๆ ชาวแท็กซี่โจษขานถึง
เรื่องผีดุกันขึ้นมาทันที แต่ความที่แกเป็นคนกล้า ประกอบกับผู้หญิงคนนั้นก็
ดูว่าเป็นคนชัด แกจึงจอดรถเข้าไปรับ
พอหญิงสาวเปิดประตูรถ กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกก็ปะทะจมูกของนายกล้าทันที
' โชเฟอร์ ไปแถววัดธาตุทองนะ จะไปมั้ย ' หญิงสาวถาม
' ไปครับผม ' นายกล้าตอบ ในใจคิดว่า
ไม่ใช่วัดสมรโกฏิแบบที่ลือกันนี่หว่า
หญิงสาวก้าวขึ้นนั่งที่เบาะหลังพร้อมกับบอกนายกล้าว่า
' ไปทางด่วนนะ '
นายกล้ากดมิเตอร์แล้วออกรถขับตรงไปขึ้นทางด่วนงามวงศ์วาน
กลางดึกเช่นนั้น
ทางด่วนเงียบสนิท นาน ๆ ถึงจะมีรถขับมาสักคัน
กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวยังเตะจมูกอยู่ บรรยากาศเงียบเชียบชวนอึดอัด ถึง
นายกล้าจะกล้าเพียงไรก็ตาม แต่แกก็อดชำเลืองมองกระจกส่องหลังไม่ได้
เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
แกก็เลยชวนคุยเพื่อทำลายบรรยากาศอันอึดอัดนี้
' รอรถนานมั้ยครับ ' นายกล้าถามหญิงสาว
' นานสิ แท็กซี่หายไปไหนหมดไม่รู้ ' หญิงสาวพูดเรื่อย ๆ
' ก็มีข่าวลือเรื่อง...เอ้อ....เรื่องผีแถวนี้ดุสิครับ เลยไม่ค่อยมีแท็กซี่คันไหนกล้าวิ่งแถวนี้ '
นายกล้าตัดสินใจพูดหยั่งเชิงเพื่อดูท่าทีหญิงสาว หญิงสาวหันขวับมามองนายกล้าทันที
' มิน่าล่ะ เมื่อกี้ฉันเรียกตั้งหลายคันไม่มีใครจอดเลย แล้วนายไม่กลัวเหรอ' หญิงสาวถาม
นายกล้ากลืนน้ำลาย ' เอ้อ...ไม่กลัวครับ '
' ก็ดี ' หญิงสาวพูดพร้อมกับหันไปมองที่หน้าต่าง
นายกล้าขับรถต่อไปเรื่อย ๆ บรรยากาศกลับเงียบสงัดอีกครั้ง
เงียบจนนายกล้า
ได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองเพียงคนเดียว
นายกล้าแหงนขึ้นไปมองกระจกส่องหลังเมื่อนึกขึ้นได้
ทันใดนั้น หัวใจของแกแทบ จะหยุดเต้น เมื่อเห็นภาพในกระจก เบาะหลังว่างเปล่า
ไม่มีแม้แต่เงาของผู้หญิงผมยาวที่นั่งคุยมาด้วยกัน เมื่อกี้นี้เลย
' ชิบหายแล้วกรู เนี่ยเขาว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ โดนดีเข้าแล้วมั้ยล่ะ '
นายกล้าคิดขณะที่กลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ ของผู้หญิงสาวยังคงคลุ้งอยู่ในรถ
มือที่กำพวงมาลัยสั่นสะท้าน เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่แอร์ ในรถเย็นเฉียบ ขาของ
นายกล้าที่เหยียบคันเร่งชาจนแทบจะไม่รู้สึกแล้ว บทสวดมนต์กี่บท ๆ ที่นึกได้
นายกล้าท่องจนหมด กลิ่นน้ำหอมก็ไม่หายไปไหน ยังลอยอบอวลคลุ้งอยู่ในรถ
แถมบางครั้งยังแรงขึ้นด้วยซ้ำไป
มนต์บทแล้วบทเล่าที่นายกล้าท่อง ไม่ได้ทำให้กลิ่นน้ำหอมจางลงเลย
นายกล้า
แหงนขึ้นมองกระจกอีกครั้ง เบาะหลังก็ยังว่างเปล่าอยู่
มีแต่กลิ่นน้ำหอมเท่า
นั้นที่บอกให้รู้ว่า ' เธอ ' ยังไม่ไปไหน
นายกล้าเหยียบคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต ในใจก็อาราธนาพระดัง ๆ
ทั่วเมืองไทย
ให้มาอยู่เป็นเพื่อนเขา ใจอยากบึ่งไปให้ถึงวัดธาตุทองเร็ว ๆ
เผื่อว่ากลิ่น
น้ำหอมจะหายไปเพราะ ' เธอ ' คงต้องการไปลงที่นั่นจริง ๆ
' โอ๊ย มาไกลเหลือเกินนะแม่คุณ ' นายกล้าคิดในใจ
ขณะที่ยังคงเหยียบคันเร่งมิด
นายกล้ามารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถมาติดไฟแดงตรงเชิงทางด่วน
นายกล้าสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ 3 ครั้ง ก่อนกลั้นใจแหงนหน้าขึ้นไป
มองกระจกส่องหลัง และแล้วนายกล้าก็แทบจะหัวใจหยุดเต้นอีกครั้ง
มือเท้าเย็นวาบ แทบจะหมดแรง ขนลุกซู่ทั้งตัว เหมือนใครเอาน้ำแข็งมาโปะต้นคอ
ภาพที่ทำให้นายกล้าแทบช็อกก็คือ
หญิงสาวคนเดิมมาปรากฏตัวที่เบาะหลังอีกครั้ง
แต่คราวนี้หน้าตาเธอเปลี่ยนไป
ใบหน้าของเธ อมีเลือดไหลออกทางจมูก และปาก
นายกล้าตัดสินใจรวบรวมความกล้าอีกครั้ง
' เป็นไงเป็นกันวะ ไหน ๆ ก็ไหนๆ แล้ว จะถามให้รู้เรื่องกันไปว่า
' เธอ ' ต้องการอะไรกันแน่ '
พอคิดได้ดังนั้นนายกล้าก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับ ' เธอ ' ผู้นั้น
ก่อนที่จะถามเป็นคำถามแรกว่า
' คุณเป็นอะไรตาย ? '
' ตายพ่อตายแม่มรึงสิ ' เสียงหญิงสาวคนนั้นตอบดังลั่นรถ
' ไอ้ห่า ! กรูก้มลงไปแต่งหน้าหน่อยเดียว มรึงทั้งเบรค
ทั้งเหยียบซะหน้า
ตากรูแหกหมด แล้วยังเสือกมาถามอีกว่าเป็นอะไรตาย '
ขำ ขำ แก้เครียดจ้า.................... ^_^
วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553
สำหรับคนที่เริ่มจะแก่ แล้วเห็นเพื่อนร่วมรุ่น
เวลามองคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับคุณ.. คุณเคยรู้สึกไหมว่า
"ตานี่ดูแก่จัง.. ตัวฉันเองยังดูหนุ่มกว่ามันตั้งเยอะเลยว่ะ"
ถ้าคุณเคยนึกอย่างนั้น.. ลองอ่านเรื่องนี้ดู (อาจจะโดนกับตัวคุณเองเข้าสักวันนะ)
ผม มีนัดครั้งแรกกับหมอฟันคนใหม่.. ระหว่างที่นั่งรอ ผมมองข้างฝา มีใบประกาศนียบัตรติดอยู่ พอเห็นชื่อก็จำได้.. ยังจำได้ถึงภาพหนุ่มหล่อ สูงสง่า ล่ำสัน เป็นเพื่อนที่เคยเรียนมัธยมปลายห้องเดียวกัน (เป็นแชมป์จักรยานของโรงเรียนด้วยนะ) แต่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่จบมัธยมปลาย เมื่อเกือบ ๔๐ ปีมาแล้ว
พอ ถึงคิวเข้าห้องทำฟัน.. เห็นหน้าหมอเข้าจริงๆก็ต้องเปลี่ยนใจ.. นึกในใจว่า "คงชื่อซ้ำกันมั้ง เพื่อนกูไม่น่าจะแก่กว่ากูขนาดนี้นี่หว่า"เพราะหมอที่เห็นนั้นเป็นชายแก่ หัวที่ค่อนข้างล้านนั้นมีผมหงอกหรอมแหรม หน้าก็เหี่ยว
พอตรวจฟันเสร็จ ผมถามหมอว่าเรียนมอหกที่โรงเรียนบางแสนหรือเปล่า
"ใช่ครับ" หมอตอบ
"จบมอหกปีไหนน่ะ"ผมถามต่อ
"ปี พ.ศ. ๒๕๐๘" หมอตอบ และถามว่า "ถามทำไมหรือครับ"
"อ้าว.. ถ้าอย่างนั้นก็เรียนห้องฉันน่ะซิ" ผมตอบ
หมอจ้องหน้าผม เพ่งพินิจพิจารณา แบบพยายามทบทวนความทรงจำ แล้วในที่สุดก็ถามออกมาว่า
"ขอประทานโทษเถอะครับ.. ผมนึกไม่ออกจริงๆ.. อาจารย์สอนวิชาอะไรครับ ?"
"ตานี่ดูแก่จัง.. ตัวฉันเองยังดูหนุ่มกว่ามันตั้งเยอะเลยว่ะ"
ถ้าคุณเคยนึกอย่างนั้น.. ลองอ่านเรื่องนี้ดู (อาจจะโดนกับตัวคุณเองเข้าสักวันนะ)
ผม มีนัดครั้งแรกกับหมอฟันคนใหม่.. ระหว่างที่นั่งรอ ผมมองข้างฝา มีใบประกาศนียบัตรติดอยู่ พอเห็นชื่อก็จำได้.. ยังจำได้ถึงภาพหนุ่มหล่อ สูงสง่า ล่ำสัน เป็นเพื่อนที่เคยเรียนมัธยมปลายห้องเดียวกัน (เป็นแชมป์จักรยานของโรงเรียนด้วยนะ) แต่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่จบมัธยมปลาย เมื่อเกือบ ๔๐ ปีมาแล้ว
พอ ถึงคิวเข้าห้องทำฟัน.. เห็นหน้าหมอเข้าจริงๆก็ต้องเปลี่ยนใจ.. นึกในใจว่า "คงชื่อซ้ำกันมั้ง เพื่อนกูไม่น่าจะแก่กว่ากูขนาดนี้นี่หว่า"เพราะหมอที่เห็นนั้นเป็นชายแก่ หัวที่ค่อนข้างล้านนั้นมีผมหงอกหรอมแหรม หน้าก็เหี่ยว
พอตรวจฟันเสร็จ ผมถามหมอว่าเรียนมอหกที่โรงเรียนบางแสนหรือเปล่า
"ใช่ครับ" หมอตอบ
"จบมอหกปีไหนน่ะ"ผมถามต่อ
"ปี พ.ศ. ๒๕๐๘" หมอตอบ และถามว่า "ถามทำไมหรือครับ"
"อ้าว.. ถ้าอย่างนั้นก็เรียนห้องฉันน่ะซิ" ผมตอบ
หมอจ้องหน้าผม เพ่งพินิจพิจารณา แบบพยายามทบทวนความทรงจำ แล้วในที่สุดก็ถามออกมาว่า
"ขอประทานโทษเถอะครับ.. ผมนึกไม่ออกจริงๆ.. อาจารย์สอนวิชาอะไรครับ ?"
วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เป็นเรื่องเตือนใจอย่าทำนะ...
> ไม่ได้มาคุยโม้นะครับ เพียงแต่มีเรื่องกลุ้มใจ
> อยากให้เพื่อนๆ ช่วยคิดหน่อย ว่าผมจะทำยังไงดี
> คือผมไปชอบรุ่นน้องในบริษัทอยู่คนหนึ่ง
> จริงๆ อายุก็ปูนนี้แล้วไม่น่าจะมีเรื่องแบบนี้เลย
> แล้วก็พยายามเลิกนิสัยแบบนี้
> แต่ก็เลิกไม่ได้ซักทีอย่างว่าละครับอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
> น้องเค้าอายุ 20 เองแบบว่ายังสดเหลือเกิน เดินผ่านหน้าห้องทุกวัน
> มองกันไปมองกันมาอยู่หลายวัน แต่งตัวก็ดี หุ่นนี้โคตรเลย
> ใครเห็นต้องชอบ เรียกว่าพาไปไหนคนมองเหลียวหลังละกัน
> วันดีคืนดีก็เลยเรียกเข้ามาคุยในห้องทำงาน ก็ถามนู่นถามนี่ไปเรื่อย
> ลองส่งสายตาดูแล้ว ท่าทางจะเล่นด้วย
> ผมก็ปฏิบัติการทันที ชวนคุยหยอกเล่นทุกวัน
> ในที่สุดก็เริ่มนัดไปกินข้าว ดูหนัง ได้จับไม้จับมือ เริ่มได้โอบ หอมแก้ม
> แต่ยังไม่ถึงขั้นนั้นแต่ก็คงใกล้แล้วละ
> ก็ดันมีเรื่องเข้ามาจนได้
> ดันมีรุ่นน้องอีกคนในบริษัทมาชอบผมระหว่างที่จีบคนแรกอยู่
> คนนี้ก็ใช่ย่อยถึงอายุจะมากกว่า 3 ปี หุ่นก็สูสี ชอบใส่เสื้อผ้ารัดติ้วด้วย
> ก็ไม่รู้มันหลงมันรักอะไรนักหนา ชอบหาโอกาสมาคุยกับผม
> เวลาเข้ามาในห้องก็ไม่ค่อยจะนั่งชอบก้มๆ เงยๆ อยู่นั่นแหละ
> เค้าคงชอบที่ผมเป็นผู้ใหญ่ อารมณ์ดี ใจดีอะไรทำนองนี้
> เวลากลับก็ขอกลับด้วย บอกว่าบ้านอยู่ใกล้บ้านผม
> คราวนี้มีช่วงหนึ่งงานเยอะมาก กว่าจะเสร็จงานก็ค่ำๆ
> น้องเค้าก็รอขอกลับด้วย บางวันก็หิว ก็ต้องแวะกินข้าว
> พอกินเสร็จมันก็ง่วงใช่มั๊ย ง่วงก็ต้องหาที่นอนซิ
> ผมก็เลยพาเข้าโรงแรม น้องเค้าก็ทำเป็นตกใจ
> ผมก็ไม่สนใจรวบหัวรวบหางซะเลย เค้าก็ไม่ยอมอยู่พักเดียว
> ในที่สุดก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
> แล้วเรื่องแบบนี้มันมีครั้งเดียวที่ไหน
> ผมก็หาโอกาสกลับกับน้องเค้าบ่อยๆ
> ในที่สุดวันซวยก็มาถึง
> น้องคนแรกดันเปิดมาเจอผมจูบปากกับคนที่ 2 ในห้องทำงาน
> หลังจากนั้นเค้าก็ร้องไห้
> ขอเลิกกับผมแล้วบอกว่า......
> ......
> .......จะไปบวชเป็นพระไม่สึกตลอดชีวิต
> ส่วนคนที่ 2 ก็ดันจับได้ใบแดง ต้องไปเป็นทหารตั้ง 2 ปี
> ผมละกลุ้มใจจริงๆ
> อยากให้เพื่อนๆ ช่วยคิดหน่อย ว่าผมจะทำยังไงดี
> คือผมไปชอบรุ่นน้องในบริษัทอยู่คนหนึ่ง
> จริงๆ อายุก็ปูนนี้แล้วไม่น่าจะมีเรื่องแบบนี้เลย
> แล้วก็พยายามเลิกนิสัยแบบนี้
> แต่ก็เลิกไม่ได้ซักทีอย่างว่าละครับอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
> น้องเค้าอายุ 20 เองแบบว่ายังสดเหลือเกิน เดินผ่านหน้าห้องทุกวัน
> มองกันไปมองกันมาอยู่หลายวัน แต่งตัวก็ดี หุ่นนี้โคตรเลย
> ใครเห็นต้องชอบ เรียกว่าพาไปไหนคนมองเหลียวหลังละกัน
> วันดีคืนดีก็เลยเรียกเข้ามาคุยในห้องทำงาน ก็ถามนู่นถามนี่ไปเรื่อย
> ลองส่งสายตาดูแล้ว ท่าทางจะเล่นด้วย
> ผมก็ปฏิบัติการทันที ชวนคุยหยอกเล่นทุกวัน
> ในที่สุดก็เริ่มนัดไปกินข้าว ดูหนัง ได้จับไม้จับมือ เริ่มได้โอบ หอมแก้ม
> แต่ยังไม่ถึงขั้นนั้นแต่ก็คงใกล้แล้วละ
> ก็ดันมีเรื่องเข้ามาจนได้
> ดันมีรุ่นน้องอีกคนในบริษัทมาชอบผมระหว่างที่จีบคนแรกอยู่
> คนนี้ก็ใช่ย่อยถึงอายุจะมากกว่า 3 ปี หุ่นก็สูสี ชอบใส่เสื้อผ้ารัดติ้วด้วย
> ก็ไม่รู้มันหลงมันรักอะไรนักหนา ชอบหาโอกาสมาคุยกับผม
> เวลาเข้ามาในห้องก็ไม่ค่อยจะนั่งชอบก้มๆ เงยๆ อยู่นั่นแหละ
> เค้าคงชอบที่ผมเป็นผู้ใหญ่ อารมณ์ดี ใจดีอะไรทำนองนี้
> เวลากลับก็ขอกลับด้วย บอกว่าบ้านอยู่ใกล้บ้านผม
> คราวนี้มีช่วงหนึ่งงานเยอะมาก กว่าจะเสร็จงานก็ค่ำๆ
> น้องเค้าก็รอขอกลับด้วย บางวันก็หิว ก็ต้องแวะกินข้าว
> พอกินเสร็จมันก็ง่วงใช่มั๊ย ง่วงก็ต้องหาที่นอนซิ
> ผมก็เลยพาเข้าโรงแรม น้องเค้าก็ทำเป็นตกใจ
> ผมก็ไม่สนใจรวบหัวรวบหางซะเลย เค้าก็ไม่ยอมอยู่พักเดียว
> ในที่สุดก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
> แล้วเรื่องแบบนี้มันมีครั้งเดียวที่ไหน
> ผมก็หาโอกาสกลับกับน้องเค้าบ่อยๆ
> ในที่สุดวันซวยก็มาถึง
> น้องคนแรกดันเปิดมาเจอผมจูบปากกับคนที่ 2 ในห้องทำงาน
> หลังจากนั้นเค้าก็ร้องไห้
> ขอเลิกกับผมแล้วบอกว่า......
> ......
> .......จะไปบวชเป็นพระไม่สึกตลอดชีวิต
> ส่วนคนที่ 2 ก็ดันจับได้ใบแดง ต้องไปเป็นทหารตั้ง 2 ปี
> ผมละกลุ้มใจจริงๆ
วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553
นิยามรัก
รัก………. แท้..เป็น………………ตำนาน
รัก………. สิ้นลมปราน..เป็น…….บทประพันธ์
รัก………. ไม่แปรผัน..เป็น………นิยาย
รัก………. จนวันตาย..เป็น………นิทาน
รัก………. ตลอดกาล..เป็น………ละคร
รัก………. อยู่ทุกตอน..เป็น………ละครน้ำเน่า
รัก………. ไม่เคยเก่า..เป็น………จริงช่วงแรก
รัก………. ในความแปลก..เป็น….คำฮิต
รัก………. ด้วยชีวิต..เป็น………..ลิเก
รัก………. ไม่โลเล..เป็น………….ความฝัน
รัก………. เธอนิรันด์..เป็น……….ชื่อเพลง
รัก………. นะตัวเอง..เป็น………..เด็กอมมือ
รัก………. ซื่อสัตย์..เป็น………….คำลวง
รัก………. หมดทรวง..เป็น……….คำติดปาก
รัก………. เธอมาก..เป็น………….คำฮอต
รัก………. เดียวตลอด..เป็น…….. ไปไม่ได้!!!!! 555
รัก………. สิ้นลมปราน..เป็น…….บทประพันธ์
รัก………. ไม่แปรผัน..เป็น………นิยาย
รัก………. จนวันตาย..เป็น………นิทาน
รัก………. ตลอดกาล..เป็น………ละคร
รัก………. อยู่ทุกตอน..เป็น………ละครน้ำเน่า
รัก………. ไม่เคยเก่า..เป็น………จริงช่วงแรก
รัก………. ในความแปลก..เป็น….คำฮิต
รัก………. ด้วยชีวิต..เป็น………..ลิเก
รัก………. ไม่โลเล..เป็น………….ความฝัน
รัก………. เธอนิรันด์..เป็น……….ชื่อเพลง
รัก………. นะตัวเอง..เป็น………..เด็กอมมือ
รัก………. ซื่อสัตย์..เป็น………….คำลวง
รัก………. หมดทรวง..เป็น……….คำติดปาก
รัก………. เธอมาก..เป็น………….คำฮอต
รัก………. เดียวตลอด..เป็น…….. ไปไม่ได้!!!!! 555
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553
สาสน์จาก ท่าน Dalai Lama ที่ได้กล่าวไว้สำหรับปี 2009นี้
คุณใช้เวลาในการอ่านและคิดตาม เพียง 2-3 นาทีเท่านั้น
โปรดอย่าเก็บคำสอนนี้ไว้คนเดียว มิเช่นนั้นมนตราที่ส่งมานี้จะจากคุณไปภายใน 96 ชั่วโมง
แล้ว … คุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก
ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต
1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน
2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน
3. จงปฏิบัติตาม 3 Rs
3.1 เคารพตนเอง ( Respect for self )
3.2 เคารพผู้อื่น ( Respect for others )
3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน ( Responsibility for all your actions )
4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์
5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม
6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ
7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข
8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน
9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป
10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
11. จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง
12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต
13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต
14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ
15. จงสุภาพกับโลกใบนี้
16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง
17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่
18. จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ
19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง
โปรดส่งมนตรานี้ต่อ ๆ ไป อย่างน้อย 5 คน แล้วชีวิตของคุณจะดีขึ้นตามลำดับ ดังนี้
0-4 คน : ชีวิตของคุณจะดีขึ้นเล็กน้อย
5-9 คน : ชีวิตของคุณจะเป็นไปตามที่คุณต้องการให้เป็น
10-14 คน : คุณจะพบสิ่งที่ทำให้คุณประหลาดใจอย่างน้อย 5 อย่างในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า
15 คนขึ้นไป : ชีวิตคุณจะดีขึ้นอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ และทุกสิ่งที่คุณฝันไว้จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
โปรดอย่าเก็บคำสอนนี้ไว้คนเดียว มิเช่นนั้นมนตราที่ส่งมานี้จะจากคุณไปภายใน 96 ชั่วโมง
แล้ว … คุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก
ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต
1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน
2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน
3. จงปฏิบัติตาม 3 Rs
3.1 เคารพตนเอง ( Respect for self )
3.2 เคารพผู้อื่น ( Respect for others )
3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน ( Responsibility for all your actions )
4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์
5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม
6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ
7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข
8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน
9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป
10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
11. จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง
12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต
13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต
14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ
15. จงสุภาพกับโลกใบนี้
16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง
17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่
18. จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ
19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง
โปรดส่งมนตรานี้ต่อ ๆ ไป อย่างน้อย 5 คน แล้วชีวิตของคุณจะดีขึ้นตามลำดับ ดังนี้
0-4 คน : ชีวิตของคุณจะดีขึ้นเล็กน้อย
5-9 คน : ชีวิตของคุณจะเป็นไปตามที่คุณต้องการให้เป็น
10-14 คน : คุณจะพบสิ่งที่ทำให้คุณประหลาดใจอย่างน้อย 5 อย่างในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า
15 คนขึ้นไป : ชีวิตคุณจะดีขึ้นอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ และทุกสิ่งที่คุณฝันไว้จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ตารางประโยชน์ของน้าผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ
โรค ปริมาณและวิธีใช้
1. บำรุงสุขภาพ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน
2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้
3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง½ -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน
4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
5.ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ(ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว ½ เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะน้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร
7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน
9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1แก้ว
10. เด็กหวะนม น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม
11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกเมื่ออาหาร
12. ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื่อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำ ผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่ เย็นแล้วล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง
14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรคตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ3 ครั้งเป็นประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ
18. เสียน้ำหรือเสียเลือด(10-20%) น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1ถ้วย
กรุณาส่งต่อเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นต่อไปได้บุญมากๆๆๆๆ
1. บำรุงสุขภาพ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน
2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้
3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง½ -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน
4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
5.ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ(ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว ½ เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะน้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร
7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน
9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1แก้ว
10. เด็กหวะนม น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม
11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกเมื่ออาหาร
12. ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื่อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำ ผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่ เย็นแล้วล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง
14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรคตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ3 ครั้งเป็นประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ
18. เสียน้ำหรือเสียเลือด(10-20%) น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1ถ้วย
กรุณาส่งต่อเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นต่อไปได้บุญมากๆๆๆๆ
วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553
แฟน ชู้ กิ๊ก
แฟน" เหมือนข้าว บางครั้งไม่หิวแต่ก็ต้องกิน
"ชู้" เหมือนเหล้า รู้ว่าไม่ดี แต่ก็ช๊อบชอบ
"กิ๊ก" เหมือนน้ำหวาน นานๆทีก็โอ บ่อยไปก็เลี้ยน
"แฟนเพื่อน" เหมือนเหล้าเถื่อน ร้อนแรง แต่อันตราย ขอโทดนะ มันเป็นลูกโซ่
นะ ส่ง ต่อ ด้วย นะ ... ส่ง รัก ... ........ ถ้าเห็นข้อความนี้แสดงว่าคุณถูกคำสาปรัก จงส่งข้อความนี้ให้ ครบ20คน ภายใน19วัน ต่อจากนี้แล้วพรุ่งนี้จะเป็น วันที่ดีที่สุดของคุณ เที่ยงคืนนี้ รักที่แท้จริงของคุณจะปรากฎออก แต่ถ้าคุณไม่ส่งจดหมายนี้ตามที่กล่าว คุณจะประสบแต่ความปวดร้าว อกหัก แฟนทิ้ง โดนทุกคนรอบข้างรังเกียจ ... และ ไม่สนใจใยดีคุณเลย -*-_ ( รีบส่งใ ห้ ครบนะ ) อ ย่ า ล บ ห ลู่ น ะ แ ล้ ว จ ะ พ บ กั บ รั ก แ ท้ .......ห้ามส่งคืน-+++
"ชู้" เหมือนเหล้า รู้ว่าไม่ดี แต่ก็ช๊อบชอบ
"กิ๊ก" เหมือนน้ำหวาน นานๆทีก็โอ บ่อยไปก็เลี้ยน
"แฟนเพื่อน" เหมือนเหล้าเถื่อน ร้อนแรง แต่อันตราย ขอโทดนะ มันเป็นลูกโซ่
นะ ส่ง ต่อ ด้วย นะ ... ส่ง รัก ... ........ ถ้าเห็นข้อความนี้แสดงว่าคุณถูกคำสาปรัก จงส่งข้อความนี้ให้ ครบ20คน ภายใน19วัน ต่อจากนี้แล้วพรุ่งนี้จะเป็น วันที่ดีที่สุดของคุณ เที่ยงคืนนี้ รักที่แท้จริงของคุณจะปรากฎออก แต่ถ้าคุณไม่ส่งจดหมายนี้ตามที่กล่าว คุณจะประสบแต่ความปวดร้าว อกหัก แฟนทิ้ง โดนทุกคนรอบข้างรังเกียจ ... และ ไม่สนใจใยดีคุณเลย -*-_ ( รีบส่งใ ห้ ครบนะ ) อ ย่ า ล บ ห ลู่ น ะ แ ล้ ว จ ะ พ บ กั บ รั ก แ ท้ .......ห้ามส่งคืน-+++
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เคล็ดลับการทำงาน อย่างชาวจีนที่คุณเลียนแบบได้
คนจีนมีชื่อเสียงในเรื่องการค้าขายและทำธุรกิจ และเคล็ดวิธีรวมทั้งความคิดในการทำงานบางอย่างของคนจีน
ก็เป็นสิ่งที่คุณสามารถนำเอามาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความสำเร็จให้ตัวเองได้ เช่นกัน
แต่ละชนชาติมักมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง แต่หลายสิ่งหลายอย่างเหล่านี้ก็อาจมีประโยชน์ต่อคนเชื้อชาติอื่นได้เช่นกัน
อย่างเช่นวิธีคิดและการทำงานของคนจีน ซึ่งมีชื่อเสียงมาช้านานในเรื่องการทำธุรกิจและการค้า
และไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจของตัวเอง หรือเป็นหนักงานในบริษัท เคล็ดวิธีอย่างชาวจีนหลายอย่างก็สามารถนำมาใช้ เพื่อสร้างความสำเร็จให้ตัวเองได้
ผูกมิตรก่อน ทำธุรกิจทีหลัง คนจีนชอบการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ และสร้างความคุ้นเคยก่อนที่จะตั้งต้นทำธุรกิจการค้ากับใคร
พวกเขาอาจใช้เวลานานในการสังเกตคนอื่นก่อนที่จะทำธุรกิจใหญ่ด้วย แต่การกระทำเช่นนี้ก็สร้างสัมพันธภาพที่ดี
และมักจะยืนนานกว่าการตั้งหน้าตั้งตาทำธุรกิจอย่างเดียว ในสไตล์ตะวันตก ฉะนั้น พยายามให้คนอื่นรู้สึกถึงความเป็นมิตรของคุณ
และความสัมพันธ์ทางธุรกิจของคุณจะราบรื่นขึ้น
ยิ้ม รอยยิ้มเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงความเป็นมิตรท่ามกลางคน แปลกหน้า การทำหน้าตาจริงจังหรือขมวดมุ่น
จะทำให้สัมพันธภาพของคุณเดินไปในทางที่ผิดพลาด คนจีนใช้รอยยิ้มเพื่อเป็นกลไกการป้องกันตัว พวกเขายิ้มเวลาที่รู้สึกอึดอัดหรือตื่นกลัว
ในขณะที่ชาวตะวันตกบางแห่ง อาจมองการหัวเราะคิกคักเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ในเมืองจีนมันเป็นเครื่องมือในการออกสังคมของคนทุกระดับชั้น
แต่คุณจะดูเป็นมิตรมากกว่า และมีอิทธิพลในทางที่ดีต่อผู้คนมากกว่า ด้วยรอยยิ้มของคุณ ฉะนั้น อย่าลืมรอยยิ้มของคุณเสียล่ะ
พูดช้าๆ คนอเมริกันชอบพูดเร็วๆ ผลก็คือพวกเขาทำให้คนฟังเบื่อ มันไม่สำคัญหรอกว่าไอเดียของคุณจะวิเศษเพียงใด
ถ้าคุณไม่สื่อสารออกมาในแบบที่คนอื่นจะเข้าใจได้ คนจีนมักเห็นเป็นเรื่องไม่สุภาพที่จะขอให้คนอื่นพูดซ้ำ ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจคุณ
พวกเขาก็จะนั่งเฉยๆ และดูเหมือนเข้าใจ และปล่อยให้ความคิดของคุณผ่านเลยไป การพูดช้าๆ
และชัดเจนจึงจำเป็นในกรณีที่คุณต้องการสื่อสารความคิดของคุณ และให้แน่ใจว่าคนอื่นฟังมันอย่างเข้าใจ
อย่าเป็นกันเองเกินไป ในประเทศตะวันตกมักจะเน้นที่ความเท่าเทียมกัน แต่คนจีนจะเน้นหลักอาวุโสเป็นหลัก
นี่เป็นการให้เกียรติคนอื่น และสร้างความรู้สึกในแง่ดี ที่จะทำให้สัมพันธะภาพทางธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
สินน้ำใจหรือของขวัญ คนจีนนิยมการการมอบของขวัญในโอกาสต่างๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้รับรู้สึกยินดีแล้ว
ยังสร้างความน่าเชื่อถือความรักนับถือแก่ผู้ให้อีกด้วย ซึ่งเมื่อการยอมรับเกิดขึ้นแล้ว
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ย่อมจะหาการสนับสนันจากผู้อื่นได้ไม่ยาก จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะประสบความสำเร็จ
ฉะนั้น อย่าลืมการให้ของขวัญเพียงเล็กน้อยแก่ทุกคนรอบตัว ไม่ว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าหรือสูงกว่าก็ตาม
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่มั่งมีเงินทอง ที่ย่อมอยากทำตัวให้สุขสบายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินดีๆ
หรือการซื้อของหรูหราราคาแพงมาใช้ แต่สำหรับคนจีนแล้ว การทำตัวหรูหราฟุ่มเฟือยเป็นความทุกข์มากกว่าความสุข
เพราะต้องคอยระวังไม่ให้ข้าวของเหล่านั้นถูกขโมย หรืออาจมีคนไม่ชอบในความอวดโอ้ของตนก็เป็นได้
ทางที่ดีจึงควรทำตัวให้ต่ำกว่าฐานะของตนเอง หรือใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แค่อยู่ให้สบายกายสบายใจ
โดยไม่จำเป็นต้องใช้ของแพง แต่เก็บออมเอาไว้เพื่อประโยชน์ในอนาคตจะดีกว่า ที่สำคัญก็คือ การวางตัวเช่นนี้
จะทำให้เป็นที่รักและไม่สร้างความบาดหมางต่อคนรอบข้างอีกด้วย
ก็เป็นสิ่งที่คุณสามารถนำเอามาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความสำเร็จให้ตัวเองได้ เช่นกัน
แต่ละชนชาติมักมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง แต่หลายสิ่งหลายอย่างเหล่านี้ก็อาจมีประโยชน์ต่อคนเชื้อชาติอื่นได้เช่นกัน
อย่างเช่นวิธีคิดและการทำงานของคนจีน ซึ่งมีชื่อเสียงมาช้านานในเรื่องการทำธุรกิจและการค้า
และไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจของตัวเอง หรือเป็นหนักงานในบริษัท เคล็ดวิธีอย่างชาวจีนหลายอย่างก็สามารถนำมาใช้ เพื่อสร้างความสำเร็จให้ตัวเองได้
ผูกมิตรก่อน ทำธุรกิจทีหลัง คนจีนชอบการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ และสร้างความคุ้นเคยก่อนที่จะตั้งต้นทำธุรกิจการค้ากับใคร
พวกเขาอาจใช้เวลานานในการสังเกตคนอื่นก่อนที่จะทำธุรกิจใหญ่ด้วย แต่การกระทำเช่นนี้ก็สร้างสัมพันธภาพที่ดี
และมักจะยืนนานกว่าการตั้งหน้าตั้งตาทำธุรกิจอย่างเดียว ในสไตล์ตะวันตก ฉะนั้น พยายามให้คนอื่นรู้สึกถึงความเป็นมิตรของคุณ
และความสัมพันธ์ทางธุรกิจของคุณจะราบรื่นขึ้น
ยิ้ม รอยยิ้มเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงความเป็นมิตรท่ามกลางคน แปลกหน้า การทำหน้าตาจริงจังหรือขมวดมุ่น
จะทำให้สัมพันธภาพของคุณเดินไปในทางที่ผิดพลาด คนจีนใช้รอยยิ้มเพื่อเป็นกลไกการป้องกันตัว พวกเขายิ้มเวลาที่รู้สึกอึดอัดหรือตื่นกลัว
ในขณะที่ชาวตะวันตกบางแห่ง อาจมองการหัวเราะคิกคักเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ในเมืองจีนมันเป็นเครื่องมือในการออกสังคมของคนทุกระดับชั้น
แต่คุณจะดูเป็นมิตรมากกว่า และมีอิทธิพลในทางที่ดีต่อผู้คนมากกว่า ด้วยรอยยิ้มของคุณ ฉะนั้น อย่าลืมรอยยิ้มของคุณเสียล่ะ
พูดช้าๆ คนอเมริกันชอบพูดเร็วๆ ผลก็คือพวกเขาทำให้คนฟังเบื่อ มันไม่สำคัญหรอกว่าไอเดียของคุณจะวิเศษเพียงใด
ถ้าคุณไม่สื่อสารออกมาในแบบที่คนอื่นจะเข้าใจได้ คนจีนมักเห็นเป็นเรื่องไม่สุภาพที่จะขอให้คนอื่นพูดซ้ำ ถ้าพวกเขาไม่เข้าใจคุณ
พวกเขาก็จะนั่งเฉยๆ และดูเหมือนเข้าใจ และปล่อยให้ความคิดของคุณผ่านเลยไป การพูดช้าๆ
และชัดเจนจึงจำเป็นในกรณีที่คุณต้องการสื่อสารความคิดของคุณ และให้แน่ใจว่าคนอื่นฟังมันอย่างเข้าใจ
อย่าเป็นกันเองเกินไป ในประเทศตะวันตกมักจะเน้นที่ความเท่าเทียมกัน แต่คนจีนจะเน้นหลักอาวุโสเป็นหลัก
นี่เป็นการให้เกียรติคนอื่น และสร้างความรู้สึกในแง่ดี ที่จะทำให้สัมพันธะภาพทางธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
สินน้ำใจหรือของขวัญ คนจีนนิยมการการมอบของขวัญในโอกาสต่างๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้รับรู้สึกยินดีแล้ว
ยังสร้างความน่าเชื่อถือความรักนับถือแก่ผู้ให้อีกด้วย ซึ่งเมื่อการยอมรับเกิดขึ้นแล้ว
ไม่ว่าจะทำอะไรก็ย่อมจะหาการสนับสนันจากผู้อื่นได้ไม่ยาก จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะประสบความสำเร็จ
ฉะนั้น อย่าลืมการให้ของขวัญเพียงเล็กน้อยแก่ทุกคนรอบตัว ไม่ว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าหรือสูงกว่าก็ตาม
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่มั่งมีเงินทอง ที่ย่อมอยากทำตัวให้สุขสบายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินดีๆ
หรือการซื้อของหรูหราราคาแพงมาใช้ แต่สำหรับคนจีนแล้ว การทำตัวหรูหราฟุ่มเฟือยเป็นความทุกข์มากกว่าความสุข
เพราะต้องคอยระวังไม่ให้ข้าวของเหล่านั้นถูกขโมย หรืออาจมีคนไม่ชอบในความอวดโอ้ของตนก็เป็นได้
ทางที่ดีจึงควรทำตัวให้ต่ำกว่าฐานะของตนเอง หรือใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แค่อยู่ให้สบายกายสบายใจ
โดยไม่จำเป็นต้องใช้ของแพง แต่เก็บออมเอาไว้เพื่อประโยชน์ในอนาคตจะดีกว่า ที่สำคัญก็คือ การวางตัวเช่นนี้
จะทำให้เป็นที่รักและไม่สร้างความบาดหมางต่อคนรอบข้างอีกด้วย
ชีวิตพอเพียงของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลก : วอร์เรน บัพเฟตต์ ( Warren Buffet)

มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิล เกตส์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศล 31 , 000 ล้านดอลล่าร์
ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา :
1) เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!
2) เขาซื้อไร่เล็กๆ เมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์
3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอน กลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้ บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม
4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน
5) เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัท เขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว เพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ
7) เขาให้กฎแก่ ซีอีโอ เพียงสองข้อ
กฎข้อ 1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย
กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ 1
8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน คือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์
9) บิล เกตส์ คนที่รวยที่สุดในโลก เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน บัพเฟตต์เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อบิล เกดส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และบิล เกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์
10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือ และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
11) เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า : จงหลีกห่างจากบัตรเครดิตและลงทุนในตัวคุณเอง
ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย ๔ อย่างเพียงพอนั่นเอง
มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม 1 มื้อ เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุด ก็ใส่ได้ทีละชุด เท่ากัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน พื้นที่ที่ใช้จริงๆ ก็เหมือนกันคือ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
มหาเศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร สุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน
.... มองทะลุวัตถุนิยม และเ ห็นความหมายที่แท้จริงของชีวิต
วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ทำได้แบบนี้ รักนี้ก็ยาวาวาวาววววว นานานนนนนนนน...จ๊า.....
ไม่โกรธพร้อมกัน
คงไม่ต้องถึงขั้นว่าเมื่อใดคนใดร้อนเป็นไฟ แล้วอีกคนต้องเย็นประดุจน้ำ
เพราะในความเป็นจริงแล้ว น้ำกับไฟอยู่ด้วยกันไม่ได้
แต่เป็นการเปรียบเปรยว่าหากคุณเกิดอารมณ์ร้อนขึ้นมา
เขาหรือเธอก็ควรจะนิ่งเสีย ไม่ใช่ว่าเธอแรงมาฉันก็แรงไป
ช่วยกันกระพืออุณหภูมิให้สูงยิ่งขึ้น
มันไม่ต่างกับการที่คนรักกัน แต่กลับมาสาดโคลนใส่กัน
ลองนึกภาพดูนะ หากคนสองคนอยู่ในอารมณ์โกรธทั้งคู่
คำพูดคำจาคงดุเดือดเชือดเฉือนกันน่าดู
ดังนั้นหลายๆ คู่จึงมักจะทำข้อตกลงไว้ก่อนว่าเราจะไม่โกรธพร้อมกันเด็ดขาด
ไม่โกรธข้ามคืน
ต่อเนื่องมาจากข้อแรก คือนอกจากจะไม่โกรธพร้อมกันแล้ว
ก็ไม่ควรจะโกรธกันข้ามวันข้ามคืนด้วย
แม้ว่าอารมณ์โกรธน่ะไม่เข้าใครออกใคร และก็ห้ามยาก
ทำได้อย่างมากก็แค่ ข่มอารมณ์โกรธไว้
แต่เมื่อโกรธขี้นมาแล้ว ก็อย่าเก็บเอามาเป็นเรื่องค้างคาใจ
เคลียร์ได้ก็ควรเคลียร์ให้จบภายในวันนั้น อย่าได้พกพาอารมณ์โกรธเข้านอนไปด้วย
เพราะนอกจากจะทำให้คุณนอนไม่หลับแล้วคู่ กรณีของคุณก็พลอยหลับไม่ลงไปด้วย
ไม่ขึ้นเสียงใส่กัน
ก็ยังเป็นผลสืบเนื่องจากอารมณ์โกรธอยู่นั่นเอง
ไม่ว่าจะโกรธเกรี้ยวขนาดไหน
หรือเพียงแค่เป็นความคุกรุ่นไม่พอใจอยู่ในอก
แต่น้ำเสียงที่สื่อสารออกมานั้น
จะมีความเข้มข้นหนักเบา และสะดุดหูต่างกันไป
ความดังของเสียงอาจจะเริ่มต้นจากพูดเสียงสะบัด
หางเสียงตวัดขึ้นสูงไปจนถึงขั้นตวาดแว้ดๆ ฟังไม่รู้เรื่องเลย
ส่วนคุณพ่อบ้าน ก็อาจจะเผลอเรอตะคอกใส่หน้าสุดที่รักได้
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ก็เพียงเพราะอารมณ์พาไปทั้งนั้น
ดังนั้น เมื่อใดที่รู้ตัวว่าเก็บอารมณ์ไม่อยู่แล้วจริงๆ ให้ใช้วิธีนิ่งเสีย
แล้วก็ปลีกตัวออกห่างๆ จะเป็นการดีที่สุด
ไม่ยุแหย่ยั่วยุ
ไม่ว่าหญิงหรือชาย เมื่อมีปากเสียงกันแล้ว นอกจากไม่ขึ้นเสียงใส่กัน
ทั้งคู่ควรระวังคำพูดที่จะทำร้ายซึ่งกันและกัน เพราะคำพูดที่ยั่วยุ
ยั่วอารมณ์ไม่ได้ทำให้ปัญหามีจบลงได้
ทั้งนี้ทั้งคู่ต้องอดทน หนักแน่นและหันหน้ามาพูดจากันดีๆดีกว่า
ไม่ลงไม้ลงมือ
สาเหตุหลักสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้หลายคู่ต้องยุติชีวิตรักนั้น
มาจากการถูกทำร้ายร่างกายจากคนที่รัก
โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ที่มักจะโดนท้าร้ายอยู่เสมอ
ดังนั้นไม่ว่าจะประสบปัญหาร้ายแรงสักเพียงใด
ขอให้ตระหนักไว้ว่า คนตรงหน้า คือคนที่เราตัดสินใจลงเรือลำเดียวกันแล้ว
เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้น “คนรักกัน จะไม่ทำร้ายกัน”
ไม่รื้อฟื้นเรื่องอดีต
เราอาจจะไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็เลือกจำเฉพาะส่วนที่ดีๆได้
เรื่องราวใดที่สร้างความบาดหมางใจ บั่นทอนความรักความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน
ก็ควรลืมมันเสีย เก็บไว้เป็นบทเรียนหรือประสบการณ์สอนใจ
ถ้าจะนั่งรำลึกความหลังก็ควรพูดถึงแต่เรื่องดีๆ ของเขาหรือเธอ
ก็จะทำให้คุณทั้งสองมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่เสมอ
ไม่เงียบเกินไป
เป็นบ้างไหม อยู่กันไปนานวันเข้า คุยกันแทบจะนับคำได้
ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องคุยมันหายไปไหนหมด
กลับเข้าบ้านก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ อย่างนี้ไม่ดีแน่นอน
คุณอาจจะแย้งว่า อยู่กันมาหลายปี คุยกันจนหมดเรื่องคุยแล้ว
อันนี้คุณกำลังหลอกตัวเองอยู่แน่ๆ เรื่องคุยไม่มีวันหมดหรอก
ถามใจตัวเองดีกว่า ว่าความเงียบระหว่างสองเราที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะอะไรแน่
ความเงียบจะนำมาซึ่งความห่างเหินและหมางเมิน
จนในที่สุด คุณอาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกันได้ในสักวัน
เพราะฉะนั้น หันหน้ามาคุยกันเถอะ เรื่องราวสัพเพเหระต่างๆ
ให้เขาหรือเธอ รู้สึกว่าคุณยังอยู่เคียงข้างเสมอ
เพียงเท่านี้ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจได้แล้ว
ไม่ท้าทายเรื่องเลิก
สิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้
เพราะหากเราพูดจาท้าทายเรื่องเลิกกันหลายๆครั้ง
ความรู้สึกที่โดนท้าทาย อาจชินชาเข้าสักวัน
จนความรักที่อยู่มันถูกบั่นทอนไปไม่รู้ตัว
และในที่สุด ชีวิตรักก็จะสั้นลงกว่าที่คิดไว้
และสุดท้าย...คุณต้องส่งต่อเมล์ไปอีก 9 คน
แล้วความรักของคุณจะยืดยาว สมหวังทุกประการ
หากคุณไม่ส่งต่อ หรือ ลบเมล์นี้ทิ้ง คุณจะพบกับการพลัดพราก
หรืออกหักขึ้นคานไปตลอดชาติ นี่คือเรื่องจริงนะ
อยากน้อยๆคนที่คุณส่งให้เค้า เค้าก็จะมีความรู้สึกที่ดีต่อคุณ
คงไม่ต้องถึงขั้นว่าเมื่อใดคนใดร้อนเป็นไฟ แล้วอีกคนต้องเย็นประดุจน้ำ
เพราะในความเป็นจริงแล้ว น้ำกับไฟอยู่ด้วยกันไม่ได้
แต่เป็นการเปรียบเปรยว่าหากคุณเกิดอารมณ์ร้อนขึ้นมา
เขาหรือเธอก็ควรจะนิ่งเสีย ไม่ใช่ว่าเธอแรงมาฉันก็แรงไป
ช่วยกันกระพืออุณหภูมิให้สูงยิ่งขึ้น
มันไม่ต่างกับการที่คนรักกัน แต่กลับมาสาดโคลนใส่กัน
ลองนึกภาพดูนะ หากคนสองคนอยู่ในอารมณ์โกรธทั้งคู่
คำพูดคำจาคงดุเดือดเชือดเฉือนกันน่าดู
ดังนั้นหลายๆ คู่จึงมักจะทำข้อตกลงไว้ก่อนว่าเราจะไม่โกรธพร้อมกันเด็ดขาด
ไม่โกรธข้ามคืน
ต่อเนื่องมาจากข้อแรก คือนอกจากจะไม่โกรธพร้อมกันแล้ว
ก็ไม่ควรจะโกรธกันข้ามวันข้ามคืนด้วย
แม้ว่าอารมณ์โกรธน่ะไม่เข้าใครออกใคร และก็ห้ามยาก
ทำได้อย่างมากก็แค่ ข่มอารมณ์โกรธไว้
แต่เมื่อโกรธขี้นมาแล้ว ก็อย่าเก็บเอามาเป็นเรื่องค้างคาใจ
เคลียร์ได้ก็ควรเคลียร์ให้จบภายในวันนั้น อย่าได้พกพาอารมณ์โกรธเข้านอนไปด้วย
เพราะนอกจากจะทำให้คุณนอนไม่หลับแล้วคู่ กรณีของคุณก็พลอยหลับไม่ลงไปด้วย
ไม่ขึ้นเสียงใส่กัน
ก็ยังเป็นผลสืบเนื่องจากอารมณ์โกรธอยู่นั่นเอง
ไม่ว่าจะโกรธเกรี้ยวขนาดไหน
หรือเพียงแค่เป็นความคุกรุ่นไม่พอใจอยู่ในอก
แต่น้ำเสียงที่สื่อสารออกมานั้น
จะมีความเข้มข้นหนักเบา และสะดุดหูต่างกันไป
ความดังของเสียงอาจจะเริ่มต้นจากพูดเสียงสะบัด
หางเสียงตวัดขึ้นสูงไปจนถึงขั้นตวาดแว้ดๆ ฟังไม่รู้เรื่องเลย
ส่วนคุณพ่อบ้าน ก็อาจจะเผลอเรอตะคอกใส่หน้าสุดที่รักได้
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ก็เพียงเพราะอารมณ์พาไปทั้งนั้น
ดังนั้น เมื่อใดที่รู้ตัวว่าเก็บอารมณ์ไม่อยู่แล้วจริงๆ ให้ใช้วิธีนิ่งเสีย
แล้วก็ปลีกตัวออกห่างๆ จะเป็นการดีที่สุด
ไม่ยุแหย่ยั่วยุ
ไม่ว่าหญิงหรือชาย เมื่อมีปากเสียงกันแล้ว นอกจากไม่ขึ้นเสียงใส่กัน
ทั้งคู่ควรระวังคำพูดที่จะทำร้ายซึ่งกันและกัน เพราะคำพูดที่ยั่วยุ
ยั่วอารมณ์ไม่ได้ทำให้ปัญหามีจบลงได้
ทั้งนี้ทั้งคู่ต้องอดทน หนักแน่นและหันหน้ามาพูดจากันดีๆดีกว่า
ไม่ลงไม้ลงมือ
สาเหตุหลักสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้หลายคู่ต้องยุติชีวิตรักนั้น
มาจากการถูกทำร้ายร่างกายจากคนที่รัก
โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ที่มักจะโดนท้าร้ายอยู่เสมอ
ดังนั้นไม่ว่าจะประสบปัญหาร้ายแรงสักเพียงใด
ขอให้ตระหนักไว้ว่า คนตรงหน้า คือคนที่เราตัดสินใจลงเรือลำเดียวกันแล้ว
เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เพราะฉะนั้น “คนรักกัน จะไม่ทำร้ายกัน”
ไม่รื้อฟื้นเรื่องอดีต
เราอาจจะไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็เลือกจำเฉพาะส่วนที่ดีๆได้
เรื่องราวใดที่สร้างความบาดหมางใจ บั่นทอนความรักความรู้สึกดีๆที่มีต่อกัน
ก็ควรลืมมันเสีย เก็บไว้เป็นบทเรียนหรือประสบการณ์สอนใจ
ถ้าจะนั่งรำลึกความหลังก็ควรพูดถึงแต่เรื่องดีๆ ของเขาหรือเธอ
ก็จะทำให้คุณทั้งสองมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่เสมอ
ไม่เงียบเกินไป
เป็นบ้างไหม อยู่กันไปนานวันเข้า คุยกันแทบจะนับคำได้
ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องคุยมันหายไปไหนหมด
กลับเข้าบ้านก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ อย่างนี้ไม่ดีแน่นอน
คุณอาจจะแย้งว่า อยู่กันมาหลายปี คุยกันจนหมดเรื่องคุยแล้ว
อันนี้คุณกำลังหลอกตัวเองอยู่แน่ๆ เรื่องคุยไม่มีวันหมดหรอก
ถามใจตัวเองดีกว่า ว่าความเงียบระหว่างสองเราที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะอะไรแน่
ความเงียบจะนำมาซึ่งความห่างเหินและหมางเมิน
จนในที่สุด คุณอาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้าที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกันได้ในสักวัน
เพราะฉะนั้น หันหน้ามาคุยกันเถอะ เรื่องราวสัพเพเหระต่างๆ
ให้เขาหรือเธอ รู้สึกว่าคุณยังอยู่เคียงข้างเสมอ
เพียงเท่านี้ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจได้แล้ว
ไม่ท้าทายเรื่องเลิก
สิ่งสุดท้ายที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้
เพราะหากเราพูดจาท้าทายเรื่องเลิกกันหลายๆครั้ง
ความรู้สึกที่โดนท้าทาย อาจชินชาเข้าสักวัน
จนความรักที่อยู่มันถูกบั่นทอนไปไม่รู้ตัว
และในที่สุด ชีวิตรักก็จะสั้นลงกว่าที่คิดไว้
และสุดท้าย...คุณต้องส่งต่อเมล์ไปอีก 9 คน
แล้วความรักของคุณจะยืดยาว สมหวังทุกประการ
หากคุณไม่ส่งต่อ หรือ ลบเมล์นี้ทิ้ง คุณจะพบกับการพลัดพราก
หรืออกหักขึ้นคานไปตลอดชาติ นี่คือเรื่องจริงนะ
อยากน้อยๆคนที่คุณส่งให้เค้า เค้าก็จะมีความรู้สึกที่ดีต่อคุณ
วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ไม่เชื่อ!อย่าลบหลู่
" ความเชื่อ " มีอยู่ในตัวคนเราทุกคน บ้างก็เชื่อว่าผีมีจริง วิญญาณมีจริง เชื่อเรื่องดวง
เรื่องเคล็ด และก็เชื่อเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่ตัวบุคคลว่าผูกพันหรือคุ้นเคยกับสิ่งไหนมามากกว่า
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้เรามีเรื่องดีๆ มาฝากคนที่เชื่อเรื่อง " เคล็ดเสริมดวง " ใครอยาก
โชคดีพลาดไม่ได้เด็ดขาด... (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ)
เตียงนอน
อย่าตั้งเตียงนอนโดยเอาหัวเตียงหันไปชนกับผนังห้องน้ำ เพราะจะทำให้เสื่อมโชคอับโชค
อย่าตั้งเตียงนอนโดยหันปลายเตียงเล็งตรงกับประตูทางเข้าพอดี เพราะจะทำให้ฝันร้ายและอับโชค
สุนัข แมวจรจัด
แบ่งอาหารและน้ำให้แก่สุนัข หรือแมวจรจัดที่หิวโหยบ้าง ในวันฝนตกก็อนุญาตให้สัตว์จรจัด
เข้ามาหลบฝนในชายคาบ้าน การทำบุญทำทานกับสัตว์นั้นให้อานิสงส์ผลบุญแก่ตัวเราได้อย่างมหาศาล
ห้องครัว
ดูแลปัดกวาดเช็ดถูและจัดข้าวของเครื่องใช้ในครัวให้สะอาดอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ครัว
สกปรก เพราะครัวเป็นขุมพลังของบ้าน บ้านที่ปล่อยให้ครัวสกปรกจะอับโชค เงินทองหามาได้ก็ต้องจ่าย
ออกไป เจริญรุ่งเรืองช้านัก
ผ้าเช็ดหน้า
อย่าให้ของขวัญคนรัก หรือเพื่อนสนิทเป็นผ้าเช็ดหน้า เพราะถือว่าเป็นลางไม่ดี ถือเป็นของ
ขวัญอับโชค มอบให้กันแล้วจะมีเรื่องต้องพลัดพรากจากกัน หรือมีเรื่องต้องเมินหมางห่างเหินกันไป
กระจก
ขัดถูกระจกในบ้านให้สะอาดใสอยู่เสมอ ถ้าปล่อยให้กระจกขุ่นมัวเป็นประจำ ดวงชะตาของ
คนในบ้านจะหม่นหมองทำอะไรไม่ขึ้น
วันบริสุทธิ์
วันที่ควรงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก คือวันโกน วันพระ วันเกิด และวันเข้าพรรษา
ตามธรรมเนียมโบราณนิยมปฏิบัติกันเช่นนี้ เพื่อให้เทวดาคุ้มครองรักษาตลอดไป
เหรียญนำโชค
เมื่อเจอเงินตกอยู่ตามทางเดิน แม้จะเป็นเพียงเหรียญบาทก็ให้เก็บเอาไว้ ให้ถือเสมือน
เป็นเหรียญนำโชค การเดินผ่านเลยไป เพราะเห็นว่าเป็นเพียงเหรียญบาท เหรียญสลึงนั้น ถือเป็นการ
ดูถูกเงินทอง ไม่เห็นคุณค่าของเงิน คนเฒ่าคนแก่เชื่อกันว่ามันจะทำให้คุณอับโชคทั้งวัน หรือในช่วง 3 -
7 วันนั้น
แหวนเสริมดวง
เลือกสวมแหวนที่ถูกโฉลกกับเดือนเกิด หรือวันเกิดเพื่อเสริมโชคดีให้ชีวิต
ถ้าอยากเสริมดวงการเงิน - ควรสวมแหวนทอง แหวนเงิน แหวนหยกและแหวนหัว
พลอยสีที่ถูโฉลก
ถ้าอยากเสริมดวงความรัก - ให้สวมแหวนรูปหัวใจ รูปดาว เลือกแหวนเพชรหรือ
เทอร์ควอยส์ก็ได้
วนแหวนลูกปัดและหินสีต่างๆ - จะช่วยเสริมดวงเสน่ห์
การสวมแหวน
สวมแหวนนิ้วกลางขวา - เสริมดวงการเงินและบารมี
สวมแหวนนิ้วนาง นิ้วก้อย - เสริมเสน่ห์ และเสริมดวงความรัก
ทำบุญโลงศพ
ไปที่มูลนิธิใกล้บ้าน ทำบุญบริจาคเงิน ร่วมกันซื้อโลงศพให้ศพอนาถาที่ไร้ญาติ การทำบุญโลง
ศพจะช่วยเสริมดวงชะตาให้กล้าแข็ง เหมาะสำหรับช่วงดวงอ่อน และมีทุกข์มีเคราะห์
พระพรหมศักดิ์สิทธิ์
หาโอกาสไปกราบไหว้พระพรหมสักครั้ง ถ้าอยู่ที่กรุงเทพ ก็ไปไหว้ที่หัวมุมสี่แยกราชประสงค์
โรงแรมเอราวัณก็ได้ หรือที่ศาลพระพรหมแห่งใดก็ได้ทั้งนั้น พระพรหมเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวขวัญกัน
มากว่า บนบานอธิษฐานขออะไรมักได้ดังปรารถนา ด้วยว่าท่านเป็นเทพแห่งความสำเร็จนั่นเอง
หิ้งพระ
หิ้งพระ หรือหิ้งบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเทพต่างๆ หรือ ร. 5, ในหลวงของ
เรา เมื่อตั้งหิ้งบูชาแล้วจะต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ หมั่นเปลี่ยนดอกไม้ พวงมาลัย
ถวายน้ำสะอาด ถ้าปล่อยให้หิ้งสกปรก มีแต่ฝุ่นจับเต็มไปหมด บ้านนั้นจะมีแต่ความเสื่อมถอย โชคลาภหด
หาย ยากที่จะเจริญรุ่งเรือง
ไข่ และ ส้ม
ในบ้านเรือนควรมีไข่ และมีส้มไว้ในตะกร้าเสมออย่าให้ขาด เพื่อเรียกความสมบูรณ์พูนสุข
เข้าบ้าน ทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุขตลอดไป ไข่และส้มเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี
เรื่องเคล็ด และก็เชื่อเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่ตัวบุคคลว่าผูกพันหรือคุ้นเคยกับสิ่งไหนมามากกว่า
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า วันนี้เรามีเรื่องดีๆ มาฝากคนที่เชื่อเรื่อง " เคล็ดเสริมดวง " ใครอยาก
โชคดีพลาดไม่ได้เด็ดขาด... (เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ)
เตียงนอน
อย่าตั้งเตียงนอนโดยเอาหัวเตียงหันไปชนกับผนังห้องน้ำ เพราะจะทำให้เสื่อมโชคอับโชค
อย่าตั้งเตียงนอนโดยหันปลายเตียงเล็งตรงกับประตูทางเข้าพอดี เพราะจะทำให้ฝันร้ายและอับโชค
สุนัข แมวจรจัด
แบ่งอาหารและน้ำให้แก่สุนัข หรือแมวจรจัดที่หิวโหยบ้าง ในวันฝนตกก็อนุญาตให้สัตว์จรจัด
เข้ามาหลบฝนในชายคาบ้าน การทำบุญทำทานกับสัตว์นั้นให้อานิสงส์ผลบุญแก่ตัวเราได้อย่างมหาศาล
ห้องครัว
ดูแลปัดกวาดเช็ดถูและจัดข้าวของเครื่องใช้ในครัวให้สะอาดอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ครัว
สกปรก เพราะครัวเป็นขุมพลังของบ้าน บ้านที่ปล่อยให้ครัวสกปรกจะอับโชค เงินทองหามาได้ก็ต้องจ่าย
ออกไป เจริญรุ่งเรืองช้านัก
ผ้าเช็ดหน้า
อย่าให้ของขวัญคนรัก หรือเพื่อนสนิทเป็นผ้าเช็ดหน้า เพราะถือว่าเป็นลางไม่ดี ถือเป็นของ
ขวัญอับโชค มอบให้กันแล้วจะมีเรื่องต้องพลัดพรากจากกัน หรือมีเรื่องต้องเมินหมางห่างเหินกันไป
กระจก
ขัดถูกระจกในบ้านให้สะอาดใสอยู่เสมอ ถ้าปล่อยให้กระจกขุ่นมัวเป็นประจำ ดวงชะตาของ
คนในบ้านจะหม่นหมองทำอะไรไม่ขึ้น
วันบริสุทธิ์
วันที่ควรงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์กับคู่รัก คือวันโกน วันพระ วันเกิด และวันเข้าพรรษา
ตามธรรมเนียมโบราณนิยมปฏิบัติกันเช่นนี้ เพื่อให้เทวดาคุ้มครองรักษาตลอดไป
เหรียญนำโชค
เมื่อเจอเงินตกอยู่ตามทางเดิน แม้จะเป็นเพียงเหรียญบาทก็ให้เก็บเอาไว้ ให้ถือเสมือน
เป็นเหรียญนำโชค การเดินผ่านเลยไป เพราะเห็นว่าเป็นเพียงเหรียญบาท เหรียญสลึงนั้น ถือเป็นการ
ดูถูกเงินทอง ไม่เห็นคุณค่าของเงิน คนเฒ่าคนแก่เชื่อกันว่ามันจะทำให้คุณอับโชคทั้งวัน หรือในช่วง 3 -
7 วันนั้น
แหวนเสริมดวง
เลือกสวมแหวนที่ถูกโฉลกกับเดือนเกิด หรือวันเกิดเพื่อเสริมโชคดีให้ชีวิต
ถ้าอยากเสริมดวงการเงิน - ควรสวมแหวนทอง แหวนเงิน แหวนหยกและแหวนหัว
พลอยสีที่ถูโฉลก
ถ้าอยากเสริมดวงความรัก - ให้สวมแหวนรูปหัวใจ รูปดาว เลือกแหวนเพชรหรือ
เทอร์ควอยส์ก็ได้
วนแหวนลูกปัดและหินสีต่างๆ - จะช่วยเสริมดวงเสน่ห์
การสวมแหวน
สวมแหวนนิ้วกลางขวา - เสริมดวงการเงินและบารมี
สวมแหวนนิ้วนาง นิ้วก้อย - เสริมเสน่ห์ และเสริมดวงความรัก
ทำบุญโลงศพ
ไปที่มูลนิธิใกล้บ้าน ทำบุญบริจาคเงิน ร่วมกันซื้อโลงศพให้ศพอนาถาที่ไร้ญาติ การทำบุญโลง
ศพจะช่วยเสริมดวงชะตาให้กล้าแข็ง เหมาะสำหรับช่วงดวงอ่อน และมีทุกข์มีเคราะห์
พระพรหมศักดิ์สิทธิ์
หาโอกาสไปกราบไหว้พระพรหมสักครั้ง ถ้าอยู่ที่กรุงเทพ ก็ไปไหว้ที่หัวมุมสี่แยกราชประสงค์
โรงแรมเอราวัณก็ได้ หรือที่ศาลพระพรหมแห่งใดก็ได้ทั้งนั้น พระพรหมเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่กล่าวขวัญกัน
มากว่า บนบานอธิษฐานขออะไรมักได้ดังปรารถนา ด้วยว่าท่านเป็นเทพแห่งความสำเร็จนั่นเอง
หิ้งพระ
หิ้งพระ หรือหิ้งบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเทพต่างๆ หรือ ร. 5, ในหลวงของ
เรา เมื่อตั้งหิ้งบูชาแล้วจะต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ หมั่นเปลี่ยนดอกไม้ พวงมาลัย
ถวายน้ำสะอาด ถ้าปล่อยให้หิ้งสกปรก มีแต่ฝุ่นจับเต็มไปหมด บ้านนั้นจะมีแต่ความเสื่อมถอย โชคลาภหด
หาย ยากที่จะเจริญรุ่งเรือง
ไข่ และ ส้ม
ในบ้านเรือนควรมีไข่ และมีส้มไว้ในตะกร้าเสมออย่าให้ขาด เพื่อเรียกความสมบูรณ์พูนสุข
เข้าบ้าน ทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุขตลอดไป ไข่และส้มเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความโชคดี
วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
เรื่องฮาจากบอร์ดพันทิพ
ก่อนอื่นดิฉันขอสาบานว่าสิ่งที่ดิฉันพูดเป็นความจริงค่ะ ดิฉันอายุ 25 ปีค่ะ ความสูง 170 ซม. น้ำหนัก 50 กิโล ส่วนสัด 34-24-36 ผมยาว หน้าตาจัดว่าสวยมาก เซ็กซี่ มีรสนิยม ดิฉันอยากจะแต่งงานกับผู้ชายรายได้สักสองแสนบา ทอัพต่อเดือนสักคน คุณอย่าเพิ่งมองฉันโลภนะคะ รายได้ประมาณสองแสนเนี้ยแค่ชนชั้นระดับกลางๆในห้องสินธรหรือวงการตลาดหุ้นเอง ฉันไม่ได้เรียกร้องมากไปใช่ไหมคะ มีใครในพันทิพ ห้องสินธร นี้ที่รายได้เกินสองแสนบ้างคะ พวกคุณแต่งงานไปกันหมดหรือยัง กรุณาช่วยตอบดิฉันทีค่ะ คือดิฉันอยากแต่งงานกับคนรวยๆ อย่างพวกคุณ พวกที่ดิฉันคบด้วยนี่มีแต่พวกธรรมดาๆรายได้อย่างมากไม่เกินสามหมื่นเอง รายได้แค่นี้จะอุตริไปซื้อบ้านแถวสีลมเนี่ย ยังได้แค่มองเลยใช่ไหมคะ ดิฉันมีคำถามดังนี้ค่ะ กรุณาช่วยตอบด้วยนะคะ
1. หลังจากตลาดหุ้นปิด พวกคุณมักไปต่อที่ไหนกันคะ ( ชื่อร้าน , ผับ , fitness, ฯลฯ)
2. ถ้าจะแอบมองสาว คุณจะมองสาววัยไหนคะ
3. ทำไมคนที่แต่งงานกับคนรวยๆถึงมีแต่พวกอาซิ่มเฉิ่มๆ รสนิยมห่วยๆล่ะคะ
4. คุณใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกคนที่คุณจะแต่งงานด้วยคะ'
------------------------
หลังจากนั้นไม่เกิน 30 นาที ก็มีเมล จากชายหนุ่มคนนึงส่งมาถึงเจ้าหล่อนว่า :
ถึงคุณสุดสวยครับ...
หัวข้อกระทู้ของคุณน่าสนใจมากครับ และคงมีผู้หญิงหลายคนมีคำถามเดียวกันกับคุณ ขออนุญาตตอบคำถามในมุมมองของคนเล่นหุ้นแบบผมนะคับ
รายได้ของผมจากการเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และลงทุนในตลาดหุ้นมากว่า 10 ปี อยู่ที่ประมาณห้าแสนบาท ต่อเดือนขาดเหลือนิดหน่อย ซึ่งก็น่าจะผ่านเกณฑ์ของคุณ ดังนั้นผมเชื่อว่าคำตอบของผม น่าจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอ่านนะครับ
จากมุมมองของผมซึ่งเป็นนักธุรกิจ การที่แต่งงานโดยเลือกเฉพาะที่ความสวยเพียงอย่างเดียวนั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลา ด คำตอบนั้นง่ายมาก อธิบายตามตรง จากข้อมูลที่คุณให้มา คุณพยายามจะเน้นจุดแข็งของสินค้าคือ 'ความสวย' เพื่อแลกกับ 'เงิน'
เมื่อคุณมีความสวย และผมมีเงิน แน่นอนว่ามัน Fair และน่าจะเป็นไปได้กับโอกาสทางธุรกิจที่คุณเสนอแต่ก็ติดปัญหาที่ว่าความสวยของคุณนั้นจืดจางลงทุกวัน ในขณะที่เงินของผมไม่ได้ไปไหน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร หรือในอีกนัยหนึ่ง รายได้ของผมมีแต่จะเพิ่มทุกปีและเงินของผมก็สามารถนำไปให้ก่อให้เกิดผลตอบแทนงอกเงยขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่คุณไม่ได้สวยขึ้นเมื่อข้ามปี และมีแนวโน้มที่จะลดลงๆ ในแต่ละปีที่ผ่านไปเช่นกัน
ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ คุณคือสินทรัพย์ที่เสื่อมค่า ไม่ได้เสื่อมธรรมดานะ เสื่อมแบบอัตราก้าวหน้า ดังนั้นถ้าความสวยคือสิ่งเดียวที่คุณมี ก็จงคิดต่อว่า 10 ปีข้างหน้าจะทำอย่างไร
นิยามที่เราใช้กันในตลาดหุ้น คือ ทุกๆ การ Trade มี Position การคบกับคุณก็ถือเป็น Position แต่ถ้า Value ของมันลดลง เราจะขายมันทิ้ง ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะดันทุรังเก็บมันไว้ ซึ่งหมายถึงการแต่งงานที่คุณต้องการ อาจจะแทงใจดำถ้าผมต้องบอกคุณตรงๆอย่างจริงใจว่า ถ้า Value ของ Asset ลดลงเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ขายทิ้ง เราจะ ใช้วิธีการ 'ให้เช่าซื้อ' แทน
แน่นอนว่าคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทต่อเดือนฉลาดพอ พวกเขาแค่คบคุณ แต่จะไม่แต่งงานกับคุณ
ดังนั้นจึงขอแนะนำคุณอย่างหวังดีว่าคุณควรที่จะหยุดที่จะหาวิธีที่จะได้แต่งงานกับคนรวย และคุณควรที่จะทำให้ตัวเองเป็นคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทแทนซะเอง ซึ่งในทางเทคนิคแล้วน่าจะมีโอกาสมากกว่าการหาคนรวยแต่โง่คนนึง (รวยธรรมดาอย่างเดียวไม่พอ ต้องโง่พร้อมด้วย) หวังว่าคำตอบนี้จะช่วยคุณได้บ้าง อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณสนใจ option ในบริการ ! 'เช่าซื้อ' กรุณาติดต่อผม..... เพื่อทำ Bid offer ในโอกาสต่อไป ***** *********
จบครับ เฮียแกแรงสุดยอด..
1. หลังจากตลาดหุ้นปิด พวกคุณมักไปต่อที่ไหนกันคะ ( ชื่อร้าน , ผับ , fitness, ฯลฯ)
2. ถ้าจะแอบมองสาว คุณจะมองสาววัยไหนคะ
3. ทำไมคนที่แต่งงานกับคนรวยๆถึงมีแต่พวกอาซิ่มเฉิ่มๆ รสนิยมห่วยๆล่ะคะ
4. คุณใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกคนที่คุณจะแต่งงานด้วยคะ'
------------------------
หลังจากนั้นไม่เกิน 30 นาที ก็มีเมล จากชายหนุ่มคนนึงส่งมาถึงเจ้าหล่อนว่า :
ถึงคุณสุดสวยครับ...
หัวข้อกระทู้ของคุณน่าสนใจมากครับ และคงมีผู้หญิงหลายคนมีคำถามเดียวกันกับคุณ ขออนุญาตตอบคำถามในมุมมองของคนเล่นหุ้นแบบผมนะคับ
รายได้ของผมจากการเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และลงทุนในตลาดหุ้นมากว่า 10 ปี อยู่ที่ประมาณห้าแสนบาท ต่อเดือนขาดเหลือนิดหน่อย ซึ่งก็น่าจะผ่านเกณฑ์ของคุณ ดังนั้นผมเชื่อว่าคำตอบของผม น่าจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอ่านนะครับ
จากมุมมองของผมซึ่งเป็นนักธุรกิจ การที่แต่งงานโดยเลือกเฉพาะที่ความสวยเพียงอย่างเดียวนั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลา ด คำตอบนั้นง่ายมาก อธิบายตามตรง จากข้อมูลที่คุณให้มา คุณพยายามจะเน้นจุดแข็งของสินค้าคือ 'ความสวย' เพื่อแลกกับ 'เงิน'
เมื่อคุณมีความสวย และผมมีเงิน แน่นอนว่ามัน Fair และน่าจะเป็นไปได้กับโอกาสทางธุรกิจที่คุณเสนอแต่ก็ติดปัญหาที่ว่าความสวยของคุณนั้นจืดจางลงทุกวัน ในขณะที่เงินของผมไม่ได้ไปไหน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร หรือในอีกนัยหนึ่ง รายได้ของผมมีแต่จะเพิ่มทุกปีและเงินของผมก็สามารถนำไปให้ก่อให้เกิดผลตอบแทนงอกเงยขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่คุณไม่ได้สวยขึ้นเมื่อข้ามปี และมีแนวโน้มที่จะลดลงๆ ในแต่ละปีที่ผ่านไปเช่นกัน
ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ คุณคือสินทรัพย์ที่เสื่อมค่า ไม่ได้เสื่อมธรรมดานะ เสื่อมแบบอัตราก้าวหน้า ดังนั้นถ้าความสวยคือสิ่งเดียวที่คุณมี ก็จงคิดต่อว่า 10 ปีข้างหน้าจะทำอย่างไร
นิยามที่เราใช้กันในตลาดหุ้น คือ ทุกๆ การ Trade มี Position การคบกับคุณก็ถือเป็น Position แต่ถ้า Value ของมันลดลง เราจะขายมันทิ้ง ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะดันทุรังเก็บมันไว้ ซึ่งหมายถึงการแต่งงานที่คุณต้องการ อาจจะแทงใจดำถ้าผมต้องบอกคุณตรงๆอย่างจริงใจว่า ถ้า Value ของ Asset ลดลงเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ขายทิ้ง เราจะ ใช้วิธีการ 'ให้เช่าซื้อ' แทน
แน่นอนว่าคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทต่อเดือนฉลาดพอ พวกเขาแค่คบคุณ แต่จะไม่แต่งงานกับคุณ
ดังนั้นจึงขอแนะนำคุณอย่างหวังดีว่าคุณควรที่จะหยุดที่จะหาวิธีที่จะได้แต่งงานกับคนรวย และคุณควรที่จะทำให้ตัวเองเป็นคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทแทนซะเอง ซึ่งในทางเทคนิคแล้วน่าจะมีโอกาสมากกว่าการหาคนรวยแต่โง่คนนึง (รวยธรรมดาอย่างเดียวไม่พอ ต้องโง่พร้อมด้วย) หวังว่าคำตอบนี้จะช่วยคุณได้บ้าง อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณสนใจ option ในบริการ ! 'เช่าซื้อ' กรุณาติดต่อผม..... เพื่อทำ Bid offer ในโอกาสต่อไป ***** *********
จบครับ เฮียแกแรงสุดยอด..
วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
:: ยิ้มหมายเลข 4 ::
แอร์โฮสเตสสายการบินที่ตกบ่อยๆประกาศก่อนเครื่องออก
’ ท่านผู้โดยสารทุกท่านโปรดทราบ
เที่ยวบินสู่เมืองปักกิ่งกำลังจะออกเดินทาง ณ บัดนี้แล้ว
เพื่อความปลอดภัยขอให้ทุกท่านโปรดคาดเข็มขัดนิรภัย
ท่านที่พบว่าเข็มขัดนิรภัยตรงที่นั่งท่านชำรุด กรุณา
มัดไว้ด้วยเงื่อนพิรอดนะคะ
กรุณาอย่าใช้เงื่อนตาย ถ้าท่านหาสายรัดเข็มขัดนิรภัยไม่พบ
กรุณาย้ายไปที่นั่งอื่นที่ว่างอยู่ ทั้งนี้ขอให้ท่านได้โปรดวางใจ
ถึงแม้เครื่องบินของเราจะเก่า
แต่ทั้งนักบินและนักบินผู้ช่วยของเรายังใหม่อยู่นะคะ…’
’ ท่านผู้โดยสารทุกท่านโปรดทราบ
เที่ยวบินสู่เมืองปักกิ่งกำลังจะออกเดินทาง ณ บัดนี้แล้ว
เพื่อความปลอดภัยขอให้ทุกท่านโปรดคาดเข็มขัดนิรภัย
ท่านที่พบว่าเข็มขัดนิรภัยตรงที่นั่งท่านชำรุด กรุณา
มัดไว้ด้วยเงื่อนพิรอดนะคะ
กรุณาอย่าใช้เงื่อนตาย ถ้าท่านหาสายรัดเข็มขัดนิรภัยไม่พบ
กรุณาย้ายไปที่นั่งอื่นที่ว่างอยู่ ทั้งนี้ขอให้ท่านได้โปรดวางใจ
ถึงแม้เครื่องบินของเราจะเก่า
แต่ทั้งนักบินและนักบินผู้ช่วยของเรายังใหม่อยู่นะคะ…’
:: ยิ้มหมายเลข 3 ::
จิตรกรหนุ่มพยายามมีสมาธิกับการทำงานของเขา
แต่สาวน้อยที่มาเป็นแบบให้วาดก็ทำให้ตบะของเขาขาดผึง
ไอ้หนุ่มกระโจนใส่เธอ กอดไว้แน่น แล้วระดมจูบอย่างเร่าร้อน
’ อย่านะ ’ เธอผลักไอ้หนุ่ม
’ คุณอาจจะทำยังงี้กับนางแบบคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่ชั้นแน่ !!!’
’ แต่ผมไม่เคยทำยังงี้กับแบบของผมมาก่อนเลยจริงๆนะครับ’ ไอ้หนุ่มท้วง
’ คุณพูดจริงเรอะ’ เธอทำท่าไม่อยากจะเชื่อ
’ คุณวาดมาเท่าไหร่แล้ว ?’
’ สี่…’ จิตรกรหนุ่มว่า ’ เหยือกน้ำ แอปเปิ้ล ตะกร้า แล้วก็คุณนี่แหละ!!!’
แต่สาวน้อยที่มาเป็นแบบให้วาดก็ทำให้ตบะของเขาขาดผึง
ไอ้หนุ่มกระโจนใส่เธอ กอดไว้แน่น แล้วระดมจูบอย่างเร่าร้อน
’ อย่านะ ’ เธอผลักไอ้หนุ่ม
’ คุณอาจจะทำยังงี้กับนางแบบคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่ชั้นแน่ !!!’
’ แต่ผมไม่เคยทำยังงี้กับแบบของผมมาก่อนเลยจริงๆนะครับ’ ไอ้หนุ่มท้วง
’ คุณพูดจริงเรอะ’ เธอทำท่าไม่อยากจะเชื่อ
’ คุณวาดมาเท่าไหร่แล้ว ?’
’ สี่…’ จิตรกรหนุ่มว่า ’ เหยือกน้ำ แอปเปิ้ล ตะกร้า แล้วก็คุณนี่แหละ!!!’
:: ยิ้มหมายเลข 2 ::
หนุ่มใหญ่นั่งครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานจนภรรเมียสงสัย
’ คิดอะไรอยู่หรือพี่ ’ เธอถาม
’ จำได้มั้ย วันนี้เมื่อยี่สิบปีที่แล้วพ่อเอ็งจับได้ว่าข้าเข้าหาเอ็ง ’
’ จำได้สิพี่ ’ เมียพยักหน้าหงึกๆ
’ แล้วพ่อเอ็งก็ให้ข้าเลือกว่าจะมาสู่ขอเอ็งหรือว่าจะยอมติดคุกซัก 20 ปี ‘
’ แล้วพี่ก็เลือกแต่งกับชั้น ’ เมียพยักหน้าอาการรับรู้
’ แล้วพี่นั่งคิดอะไรอยู่ล่ะ ‘
’ ข้าคิดอยู่ว่า ถ้าข้ายอมติดคุก วันนี้ข้าก็พ้นโทษแล้วว่ะ!!! ‘
’ คิดอะไรอยู่หรือพี่ ’ เธอถาม
’ จำได้มั้ย วันนี้เมื่อยี่สิบปีที่แล้วพ่อเอ็งจับได้ว่าข้าเข้าหาเอ็ง ’
’ จำได้สิพี่ ’ เมียพยักหน้าหงึกๆ
’ แล้วพ่อเอ็งก็ให้ข้าเลือกว่าจะมาสู่ขอเอ็งหรือว่าจะยอมติดคุกซัก 20 ปี ‘
’ แล้วพี่ก็เลือกแต่งกับชั้น ’ เมียพยักหน้าอาการรับรู้
’ แล้วพี่นั่งคิดอะไรอยู่ล่ะ ‘
’ ข้าคิดอยู่ว่า ถ้าข้ายอมติดคุก วันนี้ข้าก็พ้นโทษแล้วว่ะ!!! ‘
:: ยิ้มหมายเลข 1 ::
’ เมียอั๊วนอกใจว่ะ ’ ไอ้หนุ่มปรับทุกข์กับเพื่อน
’ เรื่องเป็นไงมาไงวะ ’ เพื่อนยินดีรับฟัง
’ เมื่อคืนอีไม่ยอมกลับบ้านน่ะสิ พออั๊วถาม อีบอกว่าไปค้างกับพี่สาว ‘
ไอ้หนุ่มเล่า
’ ก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่หว่า แค่นี้จะว่าเค้านอกใจได้ไง ‘
เพื่อนชี้ทางสว่าง
’ โกหกเห็นๆว่ะ อั๊วนอนอยู่กับพี่สาวอีทั้งคืนแท้ๆนี่หว่า …’
’ เรื่องเป็นไงมาไงวะ ’ เพื่อนยินดีรับฟัง
’ เมื่อคืนอีไม่ยอมกลับบ้านน่ะสิ พออั๊วถาม อีบอกว่าไปค้างกับพี่สาว ‘
ไอ้หนุ่มเล่า
’ ก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่หว่า แค่นี้จะว่าเค้านอกใจได้ไง ‘
เพื่อนชี้ทางสว่าง
’ โกหกเห็นๆว่ะ อั๊วนอนอยู่กับพี่สาวอีทั้งคืนแท้ๆนี่หว่า …’
บ่าวสาวมือใหม่
คู่แต่งงานใหม่สดๆซิงๆด้วยกันทั้งคู่ เข้าห้องหอในคืนแต่งงานแบบคนตาบอด นึกไม่ออกว่า
จะเริ่มต้นยังไง ในที่สุดเจ้าบ่าวตัดสินใจโทรไปขอคำ ปรึกษาจากพ่อ
“พ่อครับ ผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง”
“ไม่เห็นจะยาก” พ่อว่า “แก้ผ้า แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงซีวะ”
เจ้าบ่าวทำตามคำแนะนำ
ส่วนเจ้าสาวเมื่อเห็นเจ้าบ่าวทำอย่างนั้นเธอก็ตกใจ
รีบโทรไปปรึกษาแม่บ้าง
“แม่ขา เค้าแก้ผ้านอนอยู่บนเตียงน่ะค่ะ”
“เอ้อ แปลกคนจังลูกคนนี้” แม่บ่น “หนูก็แก้ผ้ามั่ง แล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียงกับเค้าสิ”
สาวเจ้าทำตามคำแนะนำ
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนนอนนิ่งกันอยู่บนเตียง ไอ้หนุ่มทนไม่ไหว หมุนโทรศัพท์หาพ่ออีก
“เมียแกถอดเสื้อผ้าแล้วใช่มั้ย” พ่อพูดเซ็งๆ “ทีนี้แกก็เอาส่วนที่แข็งที่สุดของแกไปใส่ในที่ๆเธอฉี่ซะ”
ไอ้หนุ่มวางหูแล้วทำตามคำแนะนำ
ทีนี้เจ้าสาวก็โทรหาแม่บ้าง
“แม่คะ หนูทำยังไงต่อดีคะ” เธอถาม
“แล้วทำอะไรกันไปถึงไหนล่ะ” แม่ถาม
“เค้าอยู่ในห้องน้ำ เอาหัวมุดชักโครกอยู่ค่ะ!!!!!!”
จะเริ่มต้นยังไง ในที่สุดเจ้าบ่าวตัดสินใจโทรไปขอคำ ปรึกษาจากพ่อ
“พ่อครับ ผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง”
“ไม่เห็นจะยาก” พ่อว่า “แก้ผ้า แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงซีวะ”
เจ้าบ่าวทำตามคำแนะนำ
ส่วนเจ้าสาวเมื่อเห็นเจ้าบ่าวทำอย่างนั้นเธอก็ตกใจ
รีบโทรไปปรึกษาแม่บ้าง
“แม่ขา เค้าแก้ผ้านอนอยู่บนเตียงน่ะค่ะ”
“เอ้อ แปลกคนจังลูกคนนี้” แม่บ่น “หนูก็แก้ผ้ามั่ง แล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียงกับเค้าสิ”
สาวเจ้าทำตามคำแนะนำ
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งสองคนนอนนิ่งกันอยู่บนเตียง ไอ้หนุ่มทนไม่ไหว หมุนโทรศัพท์หาพ่ออีก
“เมียแกถอดเสื้อผ้าแล้วใช่มั้ย” พ่อพูดเซ็งๆ “ทีนี้แกก็เอาส่วนที่แข็งที่สุดของแกไปใส่ในที่ๆเธอฉี่ซะ”
ไอ้หนุ่มวางหูแล้วทำตามคำแนะนำ
ทีนี้เจ้าสาวก็โทรหาแม่บ้าง
“แม่คะ หนูทำยังไงต่อดีคะ” เธอถาม
“แล้วทำอะไรกันไปถึงไหนล่ะ” แม่ถาม
“เค้าอยู่ในห้องน้ำ เอาหัวมุดชักโครกอยู่ค่ะ!!!!!!”
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)







